(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  10 อันดับสิ่งประดิษฐ์ลึกลับที่หายสาบสูญ  
 
ในอดีตกาลมี ความรู้เทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์และกรรมวิธีการผลิตของสมัยโบราณมากมายหลายอย่างได้สูญหายไปตามกาลเวลา โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นหายไปเพราะอะไร ทำไมถึงได้หาย และสิ่งที่สร้างเหล่านั้นเต็มไปด้วยความพิศวง แปลกประหลาด ลึกลับจนกลายเป็นตำนาน ที่แม้แต่ปัจจุบันยากที่จะทำความเข้าใจและลอกเลียนแบบมัน และทั้งหมดนี้คือสิ่งประดิษฐ์ลึกลับดังกล่าวโดย toptenthailand
10 Stradivarius Violins



เริ่มต้นที่ “ไวโอลีนสตาดิวาเรียส” " "0 เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่หายไปในช่วงปี 1700 และเป็นอันดับ 10 ของทีมงาน toptenthailand โดยชื่อไวโอลีนนี้มาจากผู้สร้าง คือ อันโตนิโอ สตาดิวารี ช่างไวโอลีนในเมืองเครโมน่า ประเทศอิตาลี โดยเขามีชื่อเสียงจากดนตรีเครื่องสายชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วีโอล่า, เชลโล่ และกีตาร์ ด้วยความสวยงาม เสียงและคุณภาพทำให้เครื่องดนตรีของเขาทุกชิ้นล้วนมีคุณค่าระดับโลกชนิดไร้ คู่แข่ง ซึ่งทุกวันนี้มีเครื่องดนตรีของเขาหลงเหลือเพียง 600 ชนิดเท่านั้น และส่วนใหญ่ล้วนมีมูลค่าหลายแสนดอลลาร์ แต่น่าเสียดายที่เทคนิคกระบวนการผลิตไวโอลีนสตาดิวาเรียสนั้นได้หายสาบสูญไป เนื่องจากเทคนิคนี้มีเพียงแต่ครอบครัวของเขาเท่านั้นที่รู้ความลับอันนี้ โดยมีพระสังฆราช,ลูกหลานของเขา คือ ฟรานซิสโก้ (1671-1743) , อโมโบโน (1679-1742) และตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาตายกระบวนการผลิตนี้ก็ยุติไปด้วย แต่กระนั้นปัจจุบันก็ยังมีหลายฝ่ายที่พยายามจะไขความลับไวโอลีนสตาดิวาเรียส ว่าเหตุใดมันถึงได้กลายเป็นเครื่องดนตรีที่ยังคงมีคุณภาพอยู่จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่าไม้เมเปิ้ลที่ใช้สร้างเครื่องดนตรีนี้มีการปรับ สภาพโดยเชื้อราทำให้เนื้อไม้มีเอกลักษณ์และทำให้เกิดเสียงสะท้อน หากแต่กระนั้นในความเป็นจริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่เห็นความแตกต่างกันของคุณภาพ เสียงของไวโอลีนสตาดิวาเรียสและไวโอลีนธรรมดาสักเท่าไหร่







   สมาชิกแบบพิเศษ   top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:26:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 1  
 
9 Nepenthe



อันดับที่ 9 ของทีมงาน toptenthailand : สิ่งที่เราได้รู้สึกทึ่งทุกครั้งที่พูดถึงความซับซ้อมภูมิปัญญาของชาวกรีกโบราณและโรมันก็คือ Nepenthe คือยาตามตำนานวรรณคดีมหากาพย์โอดิสซีของโฮเมอร์ และในตำนานเทพเจ้ากรีก เล่าว่าชาวกรีกสามารถทำยาเสพติดได้โดยใช้ส่วนผสมอย่างหนึ่งทำให้เป็นยาที่ สามารถไล่ความเศร้าโศกหรือหลายคนเรียกว่า "ยาแห่งการความหลงลืม และชื่อตัวยาดังกล่าวได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของหม้อข้าวหม้อแดงลิง(ตามภาษา กรีกที่ Nepenthes แปลว่า เหยือกเหล้าที่ใช้เพื่อลืมความเศร้าเสียใจ) นอกจากนี้มันยังมีฤทธิ์พอๆ กับฝิ่นและมีมากกว่าด้วยซ้ำ โดยกล่าวแต่อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันไม่รู้ว่ายาเสพย์ติดที่ว่ามีอยู่จริง หรือไม่ และส่วนผสมของมันยังคงลึกลับ รู้แต่ว่าตัวยาดังกล่าวถูกใช้แพร่หลายในกรีกโบราณ โดยผ่านทางอียิปต์ สันนิษฐานว่าน่าจะมีส่วนผสมของไม้วอร์ทวูดซึ่งเป็นยารักษาทุกโรคในเวลาสั้น และจากการดูตามอาการที่ปรากฏในวรรณคดีหลังทานยานี้เข้าไป น่าจะเป็นพวกพืชจำพวกมะเขือพวงซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ความทรงจำเสื่อมและอดีตนั้น มีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าฝิ่นถูกนำมาใช้แพร่หลายทางการแพทย์และทันตกรรม





   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:27:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
8 The Antikythera Mechanism



หนึ่งในที่สุดของความลึกลับของสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณทั้งหมดที่เป็นรู้จักกันดี อันดับที่ 8 ของทีมงาน toptenthailand : 1“เครื่องจักรแอนติไกเธอร่า" วัตถุประหลาดเครื่องทองเหลืองที่ค้นพบโดยนักดำน้ำนอกชายฝั่งของประเทศกรีกใน เกาะแอนติไกเธอร่า ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 กลไกของมันซับซ้อนจนไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของคนโบราณ ประกอบไปด้วยชุดฟันเฟืองมากกว่า 30 ชิ้น มีข้อหมุนเหวี่ยง และการหมุนที่สามารถคำนวณหาตำแหน่งทางดาราศาสตร์ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ต่างๆ ได้ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวพบอยู่ในซากเรือแตกโดยวิทยาศาสตร์คำนวณแล้วพบว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้มีอายุถึง 1 หรือ 2 พันปีก่อนคริสตกาล จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันยังคงเป็นความลับและเบื้องหลังเทคนิคการสร้างและ การใช้งาน และที่น่าสนใจคือเครื่องจักรนี้ไม่ปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์จนถึง ศตวรรษที่ 14 แสดงให้ว่าเทคโนโลยีนี้หายสาปสูญไปถึง 1,400 ปี ทำให้ปริศนาดังกล่าวได้สร้างความงงงวยแก่นักวิทยาศาสตร์มานานหลายศตวรรษ แต่กระนั้นข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือเครื่องจักรแอนติไกเธอร่า น่าจะเป็นกลไกของนาฬิกาโบราณที่สามารถคำนวนระยะทางจันทรคติและปีแสงอาทิตย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ “คอมพิวเตอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก”




   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:28:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 3  
 
7 The Telharmonium



มาที่อันดับที่ 7 ของทีมงาน toptenthailand : เป็นเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแรกของโลก โดยเป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดใหญ่ สร้างขึ้นโดย Thaddeus Cahill ในปี ค.ศ. 1897 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเครื่องดนตรีเครื่องนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา โดยใช้สัญญาไฟฟ้าส่งมายังสายแล้วสังเคราะห์เสียงจนเป็นเสียงดนตรีผ่านยัง ลำโพง มันถูกสร้างมาสามรุ่น หนึ่งในนั้นมีน้ำหนักกว่า 200 ตันและใช้พื้นที่มากประมาณหนึ่งห้องถึงจะเก็บมันอยู่ โดยส่วนประกอบคือแป้มพิมพ์และแป้นเหยียบซึ่งผู้ใช้สามารถกดเพื่อให้เกิด เสียง เครื่องดนตรีนี้ถูกนำแสดงในที่สาธารณะครั้งแรกแล้วพบว่ามีหลายคนชอบมันเพราะ ได้ยินชัดเจนและแปลกใหม่ในเวลานั้นเพราะเครื่องดนตรีสามารถทำเสียงได้ หลายอย่าง ใช่เครื่องดนตรีประเภทเป่าอย่าง ขลุ่ย บาสซูน คลาริเน็ต และยังมีเชลโล่ หากแต่เครื่องดนตรีนี้ก็ไม่ได้ถูกพัฒนาหรือสารต่อจนถึงการแก่อนิจกรรมในที่ สุด สาเหตุเนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้ามากและน้ำหนักมหาศาล อีกทั้งมันยังรบกวนสัญญาโทรศัพท์ ทำให้เครื่องดังกล่าวยุติลงในปี 1914 และผู้สร้างก็ตาย(ในปี 1934) เครื่องดนตรีที่เหลือถูกเก็บนานกว่าหลายทศวรรษและปัจจุบันมันยังคงอยู่เพียง แต่ไม่สามารถนำมาเล่นได้เหมือนก่อน





   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:28:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
6 The Library of Alexandria



อันดับที่ 6 ของทีมงาน toptenthailand : หอสมุดอเล็กซานเดรีย เป็นหอสมุดที่ขนานนามว่าเป็นหอสมุดที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกโบราณ สร้างเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล ในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ที่มีความเจริญรุ่งเรืองภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงค์พโทเลมี และอนุญาตให้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน เจ้านาย ขุนนาง และชนชั้นที่ร่ำรวยมาใช้บริการเท่านั้น โดยหอสมุดดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก(จนไม่สามารถคาดคะเนได้) และยังเป็นสถานที่รวบรวมศูนย์กลางสำคัญของการศึกษาในยุคนั้น เพราะภายในได้รวบรวมความรู้จากภายนอกจากที่ต่างๆ ทั่วทั้งกรีซ อียิปต์ เอเชียไมเนอร์ และยุโรปมาไว้ในที่เดียวกัน ในตำนานกล่าวว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้าอเล็กซานเดรียทุกคนจะถูกริบหนังสือ โดยหนังสือนั้นจะถูกนำไปคัดลอกด้วยมือ และต้นฉบับจะถูกเก็บไว้ที่หอสมุด หอสมุดอเล็กซานเดรียและหนังสือจำนวนมากถูกเผาทำลายหลายครั้งตั้งแต่ 47 ปีก่อนคริสตกาล โดยจากเอกสารประวัติศาสตร์ระบุว่า หอสมุดดั่งกล่าวถูกทำลายโดย จูเลียส ซีซาร์ จักรพรรดิโรมัน โดยได้เผาทำลายบางส่วนของหอสมุดเพื่อปิดกั้นเส้นทางของกองทัพเรือศัตรูเมื่อ ครั้งเข้ายึดเมืองในยุคของพระนางคลีโอพัตรา ในขณะที่ทฤษฏีอื่นๆ ก็ระบุว่า หอสมุดและหนังสือเกือบทั้งหมดถูกทำลายโดยจักรพรรดิธีออโดเชียส ผู้ปกครองชาวคริสต์ที่สั่งให้ทำลายเอกสารทุกอย่างที่ถือว่าเป็นของพวกนอกรีต หรือไม่ก็มาร์ก แอนโทนี่ได้ขนหนังสือทั้งหมดในหอสมุดแห่งนี้ไปอียิปต์ ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดดังกล่าวได้ส่งผลทำให้ความรู้อดีตกาลที่มีค่ามากมายหาย สาบสูญพร้อมกับหอสมุดไปด้วย





   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:30:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
5 Damascus Steel



เหล็กดามัสคัส คืออันดับที่ 5 ของทีมงาน toptenthailand : เหล็กดามัสคัสเป็นวัตถุที่แข็งแรงจนเป็นไปไม่ได้ว่ามันจะทำขึ้นจากโลหะที่ถูกใช้กันอย่าง แพร่หลายในสมัยกลาง ทางตะวันออกกลาง ประมาณ 1100-1700 ปีก่อนคริสตกาล โดยเหล็กเหล่านี้มีลักษณะเด่นคือมันมีความคม ความเหนียว ทนทาน แต่ใบมีดกลับคมและยืดหยุ่น นอกจากนี้ตัวมีดยังมีลวดลายพิศวงมีทั้งลายน้ำไหลหรือลายตัวอักษร นอกจากนี้มันยังเป็นเหล็กที่มีส่วนผสมของคาร์บอนสูงเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติแล้วเหล็กที่มีคาร์บอนสูงจะเปราะง่าย แต่เหล็กดามัสคัสกลับยืดหยุ่น ทำให้กระบวนการผลิตนั้นยากที่จะรู้ว่ามันได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือวัตถุดิบที่ใช้ทำเหล็กนั่นเอามาจากอินเดียและศรีลังกาในชื่อ “Wootz Steel” รวมไปถึงแม่พิมพ์และส่วนผสมต่างๆ เพื่อสร้างใบมีดมีลวดลายสวยงามมีเอกลักษณ์ แต่กระนั้นกระบวนการผลิตเหล็กดามัสกัสนั้นก็ได้หายไปประมาณ 750 ปีก่อนคริสตกาลอย่างลึกลับ แต่มีหลายทฤษฏี และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เส้นทางการค้าถูกตัดขาดทำให้แร่พิเศษที่ใช้ผลิตเหล็กดังกล่าวนั้นมีน้อย อีกทั้งการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ในการทำเหล็กนั้นค่อนข้างยากทำให้ช่วงหลังๆ ลวดลายใบมีดเริ่มลดลง ปัจจุบันมีหลายเจ้าที่อ้างว่ามีดของตนคือเหล็กดามัสกัสซึ่งความจริงแล้วสิ่ง เหล่านั้นเป็นเพียงการประมาณวิธีการทำเหล็กดามัสกัสส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนของแท้ของจริงนั้นยังไม่มีใครทำได้แต่อย่างใด





   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:31:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
4 Apollo/Gemini Space Program Technology



ไม่เพียงแค่เทคโนโลยีจากสมัยโบราณเท่านี้ที่หายไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เช่นกัน อย่างในอันดับที่ 4 ของทีม งาน toptenthailand : โครงการอพอลโล่และการส่งคนไปดวงจันทร์เองก็กำลังถูกยกเลิกเพราะการเข้ามาแทนที่ของหุ่นยนต์ โดยโครงการอพอลโล่เป็นโครงการต่อเนื่องเมอร์คิวรี่ และ เจมิไน มีเป้าหมายสำคัญคือ จะนำมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์ ใช้มนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 3 คน ตัวยานอวกาศประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ ยานบังคับการ ยานบริการ ยานลงดวงจันทร์ โดยโครงการอพอลโล่ เริ่มส่งมนุษย์ขึ้นโคจรในอพอลโล่ โดยขึ้นไปโคจรรอบโลก 163 รอบ ในปี 1968 โดยมนุษย์อวกาศชุดแรกลงไปเหยียบดวงจันทร์คือนักบินของยานอพอลโล่ 11 จำนวน 3 คน คือ นีล อาร์มสตรอง , เอ็ดวิน อี-แอลดริน และไมเคิล คอลลินส์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาซ่าทำให้มนุษย์เหยียบดวง จันทร์ครั้งแรกของโลก แม้โครงการเหล่านี้จะทำให้โลกเปลี่ยนไป แต่กระนั้นโครงการนั้นก็ถูกยกเลิกหลังจากส่งยานอพอลโล่ 17 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1972 ส่วนสาเหตุที่ถูกยกเลิกก็คือโครงการนี้ใช้เงินเกินงบประมาณและล่าช้า ทำให้โครงการเจมิไนเข้ามาแทนที่ โดยวัตถุประสงค์โครงการคือการส่งมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนการดำรงชีวิตขึ้นไปโคจรในอวกาศให้นานที่สุด แต่โครงการเจมิไนก็กำลังถูกยกเลิกโดยเหตุผลเดียวกัน และปัจจุบันพวกเขาได้เปลี่ยนเป็นใช้หุ่นยนตร์ขึ้นไปสำรวจแทน





   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:31:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 7  
 
3 Silphium



ต่อมาในอันดับที่ 3 ของทีมงาน toptenthailand : นั้นคือ Silphium เป็นพืชในสกุลเฟอรูล่า ยี่หร่า เป็นพืชที่เคยได้รับความนิยมในสมัยกรีก นำเข้าจากเมืองการค้าซาร์มอัลชีค ประเทศลิเบีย โดยต้นดังกล่าวผลเป็นรูปหัวใจ โดยชาวโรมันนิยมใช้มันปรุงอาหาร แก้อาการเจ็บคอ ไข้ อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง และนอกจากนี้มันยังมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิดได้ด้วย โดยผู้หญิงจะดื่มน้ำผลไม้ของพืชชนิดนี้ทุกครั้งเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็สามารถ ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งถือได้ว่าการใช้พืช Silphium ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่เก่าแก่ที่สุดในการทำแท้ง ก่อนที่มันจะสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล เนื่องจากมันเป็นที่นิยมมาก แต่พืชชนิดนี้ขึ้นแต่เพียงเมดิเตอร์เรเนียนในแอฟริกาเท่านั้น การขาดแคลนดังกล่าวทำให้มันสูญพันธุ์ ปัจจุบันเราจึงเห็นต้นดังกล่าวได้จากในเหรียญโบราณของชาวโรมันที่เคยแกะสลักบันทึกไว้เท่านั้น





   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:31:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 8  
 
2 Roman Cement



มาถึงอันดับที่ 2 ของทีมงาน toptenthailand : สูตรปูนซีเมนต์สมัยใหม่ได้รับการพัฒนาในปี 1700 โดยส่วนผสมของมันอย่างง่ายคือน้ำ ทราย และหิน ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้นิยมแพร่หลายไปทั่วโลกในศตวรรษที่ 8 แต่ในความจริงแล้วสูตรปูนซีเมนต์นั้นแพร่หลายมาช้านานในสมัยโบราณโดย เปอร์เซีย อัสซีเรีย อียิปต์และชาวโรมัน ชาวโรมมีสูตรปูนซีเมนต์ที่คงทนโดยผสมกับปูนขาวกับหินบดและน้ำ และด้วยสูตรนี้เองทำให้พวกเขาสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างมากมายที่มีชื่อเสียง และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน อย่าง วิหารพาร์เธนอน โคลอสเซียม ผันน้ำระบบท่อโรมัน โรมันบาส ซึ่งเห็นได้ชัดว่าปูนซีเมนต์สมัยโบราณดีกว่าปูนสมัยปัจจุบันที่มันสามารถทน ต่อสภาพอากาศเป็นพันๆ ปี แต่แล้วสูตรปูนซีเมนต์ก็ได้หายสาบสูญในยุคมืดอย่างลึกลับ ทฤษฏีที่นิยมมากที่สุดคือความลับทางการค้าระหว่างช่างก่อตึกหินด้วยกัน และวิธีการทำซีเมนต์และคอนกรีตก็หายไปพร้อมกับคนที่รู้วิธีทำไปด้วย แต่กระนั้นก็มีข้อสันนิษฐานว่าปูนซีเมนต์ของพวกเขาได้ใส่ส่วนผสมพิเศษลงไป ด้วย โดยสารนี้จะทำให้สร้างฟองอากาศคอนกรีตช่วยให้วัสดุในการขยายทำให้ทนความร้อน และความเย็น ซึ่งสารเคมีนี้ยังคงความลับอยู่




   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:32:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 9  
 
1 Greek Fire



และนี่คือเทคโนโลยีที่หายสาบสูญที่มีชื่อเสียงมากที่สุด อันดับ ที่ 1 ของทีมงาน toptenthailand : "ไฟกรีก" เป็นชื่อของอาวุธที่พัฒนาโดยกองทัพเรือไบแซนไทน์ ในสมัยยุคกลาง ประมาณศตวรรษที่ 11 โดยปกติแล้วจะใช้มันต่อสู้กับกองทัพเรือ โดยเปลี่ยนสูตรน้ำมันเผาไหม้และหลักกาลักน้ำมาใช้ พุ่งผ่านท่อทองเหลืองขนาดใหญ่ที่ติดตั้งบนเรือรบ ไปตกบนเรือของข้าศึก โดยมีการเก็บของเหลวไว้ในถังร้อนอัดที่ถูกอัด และพ้นผ่านท่อดังกล่าวโดยมีอุปกรณ์บางอย่างช่วยสูบ ส่วนผู้ควบคุมเครื่องนั้นจะซ่อนหลังโล่โลหะขนาดใหญ่ โดยไฟดังกล่าวนั้นไม่สามารถดับได้โดยน้ำธรรมดา มีการบันทึกไว้ว่าอาวุธนี้ถูกใช้ในการจับไล่ผู้รุกรานอาหรับ โดยไฟกรีกสามารถนำมาใช้ในหลายรูปแบบ เช่น ใช้มันถูกเทลงในขวดและโยนระเบิดใส่ศัตรู หรือกาน้ำแบบพกพา แต่แล้วเทคโนโลยีนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากการล่มสลายของไบแซนไทน์ และแม้ว่ามีบันทึกหลายฉบับเขียนกล่าวว่ามันมีการใช้จริง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้การทำงานของมัน ในขณะที่องค์ประกอบทางเคมีของไฟกรีกยังคงมีการศึกษาและได้รับความสนใจจากนัก ประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ โดยทฤษฏีแรกคือการผสมของดินประสิวคล้ายกับการทำดินปืน แต่ความคิดนี้ปฏิเสธเพราะว่าดินประสิวไม่ไหม้ในน้ำ และทฤษฏีใหม่เชื่อว่าจะเป็นไฟกรีกคือส่วนผสมต่างๆ ของสารเคมีปิโตรเลียม รวมถึงปูนขาว กำมะถัน





เครดิต toptenthailand.com

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:33:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 10  
 
เมื่อวันก่อนกระทู้ที่แล้วต้องขออภัยทุกท่านนะครับลงอันดับ2กับ3ซ็กันวันนี้เอามาลงให้อีกครับ
..................................................................................................................................


2 Big-Jonestown



เสียงปริศนาชวนพิศวงอันดับ 2 ของทีมงาน toptenthailand วันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1978 เป็นวันที่ถูกบันทึกว่าเป็นเหตุการณ์ฆ่าตัวตายหมู่โดยเจตนามากที่สุดในโลก!! โดยศาสดาจิมส์ โจนส์และสาวกร่วม 914 คน พากินยาพิษฆ่าตัวตายเพื่อสร้างสังคมยุคพระศรีอารีย์ในภพหน้า (ยุคพระศรีอารีย์ตามความเชื่อของชาวพุทธ คือยุคพระพุทธเจ้าจุติเป็นชาติที่ 10 ซึ่งปัจจุบันเป็นชาติที่ 9)เสียงนี้เป็นเสียงที่น่ากลัวที่สุด เพราะเป็นเสียงที่มีความยาวประมาณ 30-45 นาที ในพิธี"ไวท์ไนท์" คืนสุดท้ายในโจนส์ทาวน์ ที่กีอาน่าในอเมริกา ศาสดาคนนี้ได้กล่าวกำกับสาวกของเขาฆ่าตัวตายหมู่ โดยกำกับว่าให้วางยาพิษไซนาไนด์กับเด็กของพวกเขาและตัวเอง คนที่ถึงคิวกล่าวคำอำลากับคนรู้จักแล้วดื่มยา และมีจุดหนึ่งเราจะได้ยินเสียงผู้หญิงและเด็กร้องในบันทึกนี้ด้วยส่วน ศพของจิมส์ถูกพบบนแท่นเวที ที่ศีรษะด้านขวามีรอยกระสุน ไม่ทราบว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรมกันแน่ แต่ดูจากสถานการณ์โดยรวม คนส่วนใหญ่ต่างก็ลงความเห็นว่านี่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายมากกว่า และจนกระทั้งบัดนี้ ยังไม่อาจสรุปได้ว่า คนทั้ง 914 คน ยอมฆ่าตัวตายกี่คน และถูกบังคับกินยาพิษกี่คน? โหลดที่ http://www.youtube.com/watch?v=OkookcrAnSE&feature=related




   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:37:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
top2513 หวัดดีครับท่าน ว่าแต่เรื่องถ้วยบอลโลก จูรีเม่ ที่หายไปเรื่องมันยังไงครับ เจอกันยัง

   iron maiden85      25 ก.ค. 55   เวลา 8:40:00    IP = 203.148.160.50
 


  คำตอบที่ 12  
 
iron maiden85 สวัสดีครับ ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเอามาลงไว้นานแล้วครับคงโดนลบไปแล้ววันหลังจะหามาลงให้นะครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 8:51:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 13  
 

สวัสดีครับ พี่หมอ ..................................................... ขอบคุณครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      ชิตชัย      25 ก.ค. 55   เวลา 9:32:00    IP = 223.206.188.157
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 14  
 
ขอบคุณครับบบบบ เฝ้าติดตามอยู่ตลอดครับ ;D

   jimmie_vaughan      25 ก.ค. 55   เวลา 10:48:00    IP = 223.207.62.69
 


  คำตอบที่ 15  
 
สวัสดีท่านท็อปครับ ขอบคุณมากครับความรุ้ดีๆทั้งนั้นเลย

   1927      25 ก.ค. 55   เวลา 10:58:00    IP = 101.109.190.52
 


  คำตอบที่ 16  
 
อ่านสนุกเลยครับ ขอบคุณครับ

   nightswan2      25 ก.ค. 55   เวลา 10:59:00    IP = 202.176.90.35
 


  คำตอบที่ 17  
 
ขอบคุณครับ

อันดับ 2 นี่เจ๋งกว่าปูนซีเมนต์ในปัจจุบันมาก คอนกรีตปัจจุบันที่ก่อสร้างกันมีอายุเกิน 50 ปี ก็เริ่มแตกร้าว เสื่อมสภาพ แต่ Roman cement นี่อยู่ได้เป็นพันปี

   SRI - ESP      25 ก.ค. 55   เวลา 11:23:00    IP = 101.108.217.236
 


  คำตอบที่ 18  
 
Greek Fire

   mewie      25 ก.ค. 55   เวลา 11:33:00    IP = 49.48.159.198
 


  คำตอบที่ 19  
 
สวัสดีทุกท่านเลยครับ แหมมีแฟนติดตามเยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย
ท่าน mewie ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 12:55:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 20  
 
ความรู้จากยุคโบราณนี่ลึกล้ำและลึกลับดีจริงครับ ถ้าเกิดในยุคนั้นคงตื่นเต้นน่าดู ยุคนี้มีแต่การค้นพบทางดิจิตอลเป็นหลัก

ว่าแต่ใครเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่อง Apollo 11 บ้างผมอยากรู้

   สมาชิกแบบพิเศษ      sanjak      25 ก.ค. 55   เวลา 13:12:00    IP = 42.241.78.193
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 21  
 
sanjak ที่ว่า อพอลโล 11 ไม่ได้ลงดวงจันทร์จริงๆใช่ไหมครับ ฝรั่งเรียกทฤษฎีสมคบคิด ผมพอมีรายละเอียดอยู่บ้างวันหลังต้องเอามาเปิดวงสนทนากันดูครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 13:19:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 22  
 
ผมเคยลองค้นหา ทฤษฎีที่ จริงๆแล้ว มนุษย์ไม่เคยไปเหยียบยานอวกาศ แต่ดูไปซักพัก

เจอคนมาแก้ทฎษฎีดังกล่าว ด้วย Primary source จนทำให้ผมเชื่อว่า สรุป สุดท้าย

คนเคยไปดาวอังคารจริงครับ อิอิ


ผมว่า เอาหลักฐานที่มนุษย์ต่างดาวมีอยู่บนโลกจริงมาโพสเยอะๆดีกว่า อันนี้ไม่มีข้อยุติอิอิ

   Mr.P๐|      25 ก.ค. 55   เวลา 14:44:00    IP = 124.122.224.232
 


  คำตอบที่ 23  
 
Mr.P๐| สวัสดีครับ ตอนนี้ยังไม่มีคนไปเหยียบดาวอังคารครับ แต่ทฤษฎีสมคบคิดบอกว่าตอนที่อพอลโล่11เหยียบดวงจันทร์นั้นไม่จริง เคยมาฉายในทีวีด้วย แต่ก็มีหลายคนหาเหตุผลมาลบล้าง วันหลังคงได้เปิดวงสนธนากันครับ แบบว่าหลายมุมมองดีครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      25 ก.ค. 55   เวลา 14:49:00    IP = 125.26.24.236
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 24  
 
ผมดูสารคดีที่เกี่ยวกับ Apollo 11 มาหลายอัน ผมว่ายานและคนไม่ได้ไปลงที่ดวงจันทร์หรอกครับ สหรัฐอเมริกามีเรื่องปกปิดเยอะ ทั้งเรื่องการลอบสังหาร JFK, Area 51, ตัวจริงของบิน ลาเดน, เบื้อหลัง 9/11 และอื่นๆ อีกมากมาย

   สมาชิกแบบพิเศษ      sanjak      25 ก.ค. 55   เวลา 15:36:00    IP = 114.72.252.87
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 25  
 
ผมแฟนพันธ์แท้คุณครับ แปะๆๆๆ เยี่ยม มีน้ำใจนำเสนอสิ่งดี สิ่งน่าอ่านทุกวัน เอาข้อมูลมาจากไหนมากมายพ่อคุณ ขยันจริงๆ อิอิ ขอบคุณครับ

   noo2515      25 ก.ค. 55   เวลา 18:08:00    IP = 118.172.56.171
 


  คำตอบที่ 26  
 
ผมเป็นแฟนลับๆ ของท่านtop2513ครับ ติดตามมาตลอด^^

   initial_G      25 ก.ค. 55   เวลา 20:22:00    IP = 61.90.25.18
 


  คำตอบที่ 27  
 
สาระดีครับ
วันนี้ไม่หลอนสยองขวัญ

   Invinsible Kid      25 ก.ค. 55   เวลา 21:30:00    IP = 141.0.10.255
 


  คำตอบที่ 28  
 
เจ๋งไปเลยครับพี่ เดี๋ยวจะตามกลับไปดูกระทู้เก่าๆครับ น่าสนใจมาก

   แกะมั่วๆ      26 ก.ค. 55   เวลา 2:43:00    IP = 171.7.186.191
 


  คำตอบที่ 29  
 
Like

   สมาชิกแบบพิเศษ      Smithman      26 ก.ค. 55   เวลา 10:21:00    IP = 27.55.14.69
สมาชิกแบบพิเศษ  
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket