|
 |
|
 |
|
เรื่องราว ซอมบี้ (zombies) ศพกินคน หรือ คนกินศพ ของจริงในโลกนี้!!! |
|
|
|
|
|
 |
โปรดใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลนะครับ ไปอ่านเจอเลยเอามาแชร์กันครับ .......................................................................................................
หากท่านเป็นนักดูหนังประเภท สยองขวัญ ละก็ เชื่อว่าท่านคงเคยชมภาพยนต์สยองขวัญประเภท ซอมบี้ (zombies) มาแล้ว ที่เคยมาฉายโรงในเมืองไทยก็มีหลายเรื่องในชื่อภาษาไทยว่า ศพกินคน หรือ คนกินศพ หรือ ซอมบี้บุกนิวยอร์ก
อะไรทำนองนี้แหละแต่กลับลุกขึ้นมาเดินโย่งแย่งเป็นผีดิบ เที่ยวออกอาละวาดกัดกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเจอคนก็กัดคน ควักเครื่องในตับไตใส้พุงสากออกมากินกันอย่างสด ๆ เป็นว่าเล่นดูแล้วสยองอย่างบอกใคร คนดูประสาทอ่อนแต่ดันทุรังเข้าไปดูกับเขาด้วย ถึงกับเป็นลมพับคาเก้าอี้ไปก็มี ส่วนพวกที่ประสาทแข็ง ก็ทนดูอยู่ได้จนจบ แต่ก็เห็นเลิกกินตือฮวนกันเป็นแถว และต่อไปนี้ผมขอเสนอเรื่องของ ซอมบี้ ของจริง ใครที่ประสาทไม่แข็งพอห้ามอ่านเด็ดขาด เดี๋ยวจะเป็นลมคาหนังสือมิติที่ 4 ไปจะมาฟ้องร้องผมไม่ได้นะครับ ผมไม่รับประกันใด ๆ ทั้งสิ้น
ซอมบี้ หรือ ศพคืนชีพนั้นมันมีเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ นานมาแล้วด้วยอยู่ในประเทศแถบซีกโลกตะวันตกของกาฬทวีป แอฟริกาโน้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ไฮติ (Haiti) ซึ่งเป็นแหล่งต้นตำรับทางวิชาการ เวทมนตร์คาถาไสยศาสตร์วูดู (Voodoo) อันลือชื่อ คำว่า ซอมบี้ (zombi) เป็นคำออกเสียงมาจากเสียงพูดคล้าย ๆ กัน จากภาษาของชนหลายเผ่าในกาฬทวีป ซึ่งออกเสียงว่า ซัมบิ (zumbi) ..ในคองโก ก็หมายถึง สิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตอะไรก็ได้ที่ตกอยู่ในอำนาจของคาถาอาคม ..ในดาโฮมี ก็หมายถึง เทพเจ้างูยักษ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเจ้าแห่ง ไสยดำ หรือ อำนาจลึกลับชั่วร้ายที่สามารถบังคับวิญญาณได้..
สำหรับพวกชนเผ่าต่าง ๆ ใน ไฮติที่นิยมวูดู ซอมบี้ คือศพที่เพิ่งตายไปใหม่ ๆ
แต่ถูกคำสั่ง โดยอำนาจลึกลับของ หมอผี หรือ ผู้ปล่อยคุณ ปลุกให้ลุกขึ้นมาจากหลุมศพเพื่อกลับมาเป็นทาสรับใช้ ..ศพคืนชีพ หรือซอมบี้นั้นในภาษาพื้นเมืองไฮติเขาเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า โบโกร์ (Bokor).. ซอมบี้เป็นทาสผีดิบของหมอผี หรือผู้ทรงไสยดำ ผู้ที่มีอำนาจ (เชื่อว่าเป็นอำนาจนากนรก) เรียกเอาคนตายกลับขึ้นมาจากหลุมศพ.. ซอมบี้เป็นเพียงศพที่เกินได้มันกินอาหารได้ อาหารที่กินเป็นอาหารพิเศษที่หมอผีจัดหามาให้ มันมีลมหายใจคล้ายคน มันต้องขับถ่าย มันพูดได้ แต่ส่วนมาไม่ได้พูดภาษีคน และมันสามารถได้ยินเสียงหรือรับรู้คำสั่งของหมอผีได้แสดงว่ามันมีชีวิต แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปราศจากความทรงจำใด ๆ ทั้งสิ้น มันไม่รู้จักชีวิตของตัวมันเอง มันไม่มีความรำลึกของอดีตใด ๆ เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่เคยเข้าใจสภาพ หรือสถานภาพใด ๆ เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่รู้จักความเจ็บปวดหรือความกลัว..พูดง่าย ๆ ซอมบี้ เป็นเสมือนหุ่นยนต์ที่มีเลือดเนื้อ เหมือนเครื่องจักรชีวยนต์อย่างไงอย่างนั้นนั่นเอง
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:27:00
พิมพ์
แจ้งลบ IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
 |
ชนเผ่าชาไฮติแทบทุกคนรู้จักความชั่วร้ายแห่งไสยดำวูดูเป็นอย่างดี และพวกเขาก็รู้จักซอมบี้ว่ามันมีจริง มันเป็นศพคืนชีพ
ทาสรับใช้ของหมอผีหรือผู้มีอำนาจทางไสยดำวูดู พวกชาวบ้านธรรมดาจะสามารถแยกซอมบี้ออกจากหมู่คนธรรมดาได้ทันทีที่ได้เห็น .. กล่าวกันว่า พวกซอมบี้มักจะมีท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนธรรมดา การเดินของซอมบี้จะโยกเยกตัวไปมามากกว่าคนธรรมดา คล้ายกับว่ามันเป็นเครื่องจักรกลที่เดินได้ มันมีสายตาที่เหม่อลอย ดวงตา ที่ปราศจากแวดของชีวิต และยังกล่าวกันว่า ซอมบี้มีเสียงหายใจที่ดัง และมีจังหวะการสูดลมหายใจเข้าออกข้าเร็วต่างกับคนธรรมดา.. ชาวบ้านธรรมดาในไฮติโดยทั่วไปไม่มีใครกลัวซอมบี้ เพราะไม่เคยปรากฏว่า ซอมบี้ทำอันตรายได้เลย แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวข้องกับซอมบี้ ถ้าเผอิญ ไปเจอมันเข้า สิ่งที่พวกเข้าทุกคนกลัวที่สุดไม่ใช่ซอมบี้ แต่พวกเขากลัวเป็นซอมบี้ กลัวว่าญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนที่รู้จัก และตัวเองเมื่อตายไปแล้วจะกลายเป็นซอมบี้ พวกเขาไม่กล้ารับหน้าหรือให้การต้อนรับซอมบี้ผู้มาเยือน ไม่ว่าซอมบี้นั้นจะเคยเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง หรือ ใครที่เคยรู้จักสนิทสนมด้วยในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
ในการทำพิธีฝังศพญาติพี่น้องของตน ชาวไฮติมีพิธีกรรมที่เรียกว่า ทำให้ตายครั้งที่สอง เพื่อป้องกันมิให้ศพกลับลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้ ..
แม้แต่คนที่ยากจนไม่มีเงินจะทำพิธีศพญาติของตน ยังต้องไปนำก้อนหินขนาดใหญ่ ๆ มาทับหลุมฝังศพเพื่อป้องกันมิให้ศพญาติที่ฝังไว้ลุกกลับขึ้นมา.. บางครั้งญาติผู้ตายต้องผลัดกันนั่งเฝ้าอยู่ปากหลุมศพ เฝ้ากัน 24 ชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืนไม่ให้คลาดสายตา เป็นเวลานับเดือน ๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าศพในหลุมที่ฝังไว้นั้นเน่าสลายไปหมดแล้ว เพราะกลัวว่าศพอาจคืนชีพเป็นซอมบี้กลับขึ้นมาใหม่นั่นเอง .ในพิธีฝังศพของผู้มีเงินหน่อย จะต้องนำสิ่งของต่าง ๆ เช่นลูกปัดหินหลากสี ด้ายสีต่าง ๆ หลายหลอด พร้อมกับเข็มเย็บผ้าหลายโหล และเมล็ดพืชเล็ก ๆ บางชนิดอีกหลายร้อยหลายพันเม็ดใส่ไว้ในโลงศพของผู้ตายด้วย สิ่งของต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องผ่านพิธีการปลุกเสกลงของเสียก่อนโดยผู้ทรงคุณทางไสยขาว (white magic ) วิชาลึกลับใช้เวทมนต์ในทางที่ดีทำเครื่องรางของขลังป้องกันภัยอันตรายหรือ ปลุกเสกเมตรามหานิยมฯลฯ ผู้แปล) ก่อนการปิดปากโลงศพ และฝังกลบไว้ในป่าช้า เชื่อกันว่า ถ้าศพคืนชีพขึ้นมามันจะไม่ลุกออกมาจากโลง เพราะมัวแต่เล่นสิ่งของเหล่านั้นจนเพลิน .. บางครั้งมีการใส่มีดที่ลงของลงคาถาไว้ในโลงด้วยหลายเล่ม เพื่อว่าศพคืนชีพเกิดเซ็งขึ้นมาเพราะออกจากโลงไม่ได้ จะได้ฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สอง นอนตายอย่างสงบอยู่ในโลงนั้น พิธีกรรมที่หนักข้อขึ้นไปอีกก็ยังมี กล่าวคือ ก่อนปิดฝาโลง จะจัดการตัดคอศพแยกใส่หีบฝังต่างหาก หรือไม่ก็เอหมุดลงคาถาตอกหน้าอกฝังไว้กับโลงเพื่อป้องกันศพคืนชีพเป็นซอมบี้ พวกไฮติไม่นิยมการเผาศพ แต่ก็มีการเผาศพอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าการเผาศพมิได้ช่วยป้องกันซอมบี้แต่อย่างใด เพราะมีเรื่องเล่ากันว่า คนตายที่ถูกเผาไปแล้ว บางทียังกลายเป็นซอมบี้ได้ ขณะกำลังเผา ๆ อยู่ดันลุกพรวดพราดออกมาจากโลงก็มี ไอ้ตัวซอมบี้แบบนี้น่ากลัวน่าสยดสยองกว่าซอมบี้ธรรมดา ร่างกายมันดำไหม้เฟอะ เป็นศพพิการแต่ยังเดินได้ บรือออ ถ้าไปงานเผาศพแล้วเจอแบบนี้ ตัวใครตัวมันนะ
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:28:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 2
|
|
|
 |
พวกหมอผีวูดู หรือ พวกจอมคาถาอาคมแห่งวูดู บางคนมีลูกสมุน- ซอมบี้ เป็นกองทัพเลยก็มี
นับว่าเป็นทาสผีดิบที่สัตย์ซื่อมาก เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับซอมบี้มีปรากฏอยู่ในบันทึกของชาวตะวันตกที่เดินทางไปอยู่ในแถบไฮติ นับตั้งแต่สมัย ล่าอาณานิคมโน้น วิลเลียม ซีบรุ๊ก ผู้จัดการ ฝ่ายผลิตและส่งออกของบริษัท ผลิตน้ำตาลจากอ้อย (Hailian American Sugar Corporation เคยเขียนบันทึกไว้ว่า
..มีพวกกรรมกรไร่อ้อยหลายร้อยคนเป็นคนงานอยู่ในความดูแลของหมอผีวูดู ซึ่งทำหน้าที่คุมคนงานและจัดหาคนงานมาเข้าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนมนุษย์จักรกล.. มีอยู่หลายสิบคนที่มีพวกญาติพี่น้องมาขอตัวกลับเพื่อนำไปฆ่าให้ตายเป็นครั้ง ที่สอง .. ทำให้เกิดปัญหามาก เพราะพวกญาติพี่น้องมาพบว่า คนงานบางคนเป็นญาติหรือ คนที่เขารู้จักดีซึ่งตายไปแล้ว และกลายเป็นซอมบี้อยู่ในอาณัติคาถาของหมอผีวูดู ใช่ให้มาทำงานเป็นทาสอยู่ในไร่อ้อย
ถ้าจะถามหาเหตุผลที่ไม่เกี่ยวกับไสยศาสตร์.. ทำไมคนที่ตายแล้วสามารถคืนชีพพลุกขึ้นเดินได้ ?
..เรื่องนี้ต้องไปถาม ดร.แอนโทนี วิลลิเออส์ นายแพทย์แผนปัจจุบัน ชาวฝรั่งเศส แห่งโรงพยาบาลกลางของไฮติ.. หมอแอนโทนี ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายสิบปี และเขาเชื่อ 100% ว่า ซอมบี้มีจริง เพราะเขาเคยเจอ และได้ตรวจซอมบี้มาหลายตัวแล้ว ..หมอแอนโทนีให้ความเห็นว่า.. ซอมบี้มีจริง เจอมาแล้ว 6 ตัวด้วยกัน ซอมบี้คือศพคืนชีพจริงหรือไม่ ตอบว่า ศพของคนที่ตายแล้วนั้น ไม่มีวันจะลุกขึ้นมาเดินได้อีกหรอก ซอมบี้ไม่ใช่ศพเดินได้ และก็ไม่ใช่ศพคืนชีพ หรือผีดิบอะไรอย่างที่ผู้คนชาวไฮติเชื่อกันหรอก ผมเชื่อว่า ซอมบี้ คืนคนที่ยังไม่ตาย มันคือคนเป็น ๆ นี่แหละ แต่เป็นคนที่โดนยาพิษหรือสารเคมีพิษบางอย่างเข้า ซึ่งเขาเรียกว่า ยาสั่ง อย่างแรงเข่าสู่ร่างกาย แล้วทำให้เกิดอาการคล้ายคนตาย ..ถ้าคุณไม่รู้ คุณก็นึกว่าคนตายแน่แล้ว แม้แต่แพทย์บางคนยังวินิจฉัยว่าตายแน่ แล้วคนคนนั้นก็ถูกนำไปฝัง ซึ่งความจริงคนคนนั้นยังไม่ได้ตายจริง ๆ เขาถูกฝังทั้งเป็น และต่อมาเมื่อยาหมดฤทธิ์ เขาก็จะฟื้นขึ้นมาอีกถ้าบังเอิญสามารถตะเกี่ยกตะกายขึ้นมาจากหลุมศพได้ ก็มีโอกาสออกมาเดินให้พวกเราได้ขวัญผวากัน แต่ส่วนมากผู้ที่ให้ยาสั่งนั่นแหละที่มักแอบไปขุดเอาขึ้นมาจากหลุมศพ ปลุกให้ตื่น และใช้ยาสั่งบางชนิดทำให้กลายเป็นทาสซอมบี้เก็บไว้ใช้งาน.. ซอมบี้ คือคนไร้สติ ไม่มีความทรงจำใด ๆ เหลืออยู่ในสมองเลย และก็ไม่สามารถจดจำอะไรได้อีก เพราะเนื้อเยื่อของสมองบางส่วนถูกทำลายด้วยฤทธิ์ยาเคมีบางอย่าง เขาจึงกลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ทาสรับใช้ไปในที่สุด..
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:29:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 3
|
|
|
 |
หมอแอนโทนีเชื่อว่า พวกพ่อมดหมอผีแห่งวูดูบางคนรู้วิธีผสมสูตร ยาสั่ง ดังกล่าว มันเป็นศาสตร์เร้นลับที่ใช้สืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณ
ยาสั่ง มีส่วนผสมของสมุนไพร และสารเคมีอื่น ๆ จากสิ่งมีชีวิตที่หายาก สูตรยาสั่งที่ทำให้คนแน่นิ่งเหมือนตาย (แต่ไม่ตาย) นั้นวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบันยังไม่ทราบแต่แอนโทนียืนยันว่า ยาสั่ง อย่างที่ว่านั้นมีจริง ๆ และมีใช้กันในหมู่ของพวกพ่อมดหมอผีแห่งวูดูเหล่านั้น มีหลักฐานพอแสดงว่า ยาสั่ง มีอยู่จริง และมีใช้กันมานานแล้วตั้งแต่สมัยที่พวกแอฟริกันตะวันตก ถูกพวกผิวขาวกวาดต้อนเอาไปเป็นทาส..ในกลุ่มประเทศแถบคาริบเบียน เช่น ไฮติ จาไมก้า มีพวกพ่อค้าผิวขาวบุกป่าฝ่าดงเข้าไปแสวงหาพวกคนป่าแอฟริกัน เพื่อจับตัวไปขายเป็นทาส ..คาร์ดิแนลล์ เอ. ดับบลิว ก็เป็นนักจับทาสไปขายคนหนึ่งในสมัยนั้น เขาเขียนบันทึกเอาไว้ว่า เขาเคยบุกเข้าไปในป่าลึกเพื่อแสวงหาคนดำที่แข็งแรงบึกบึน ..เขาจับได้เด็กหนุ่มผิดดำคนหนึ่ง และเกิดการต่อสู้กัน จนเด็กหนุ่มผิวดำได้รับบาดเจ็บ ต่อมาเขาได้นำไปรักษาที่หมู่บ้านชายป่า โดยมีหมอผีของหมู่บ้านนำยาสมุนไพรมาใส่แผล ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มผิวดำตายไป 5 วัน นอนแข็งทื่อ ตัวเย็น ไม่หายใจ แต่หลังจาก 5 วันผ่านไปหมอผีให้ยาอีกขนานหนึ่ง ทำให้เด็กผิวดำกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ใหม่อย่างปาฏิหาริย์และก็กลับมี ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ แผลแห้งสนิท ไม่มีการอักเสบบวมอีกเลย
เรื่องของยาสั่งที่ทำให้คนตายไปได้ชั่วขณะ และกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกตามสั่งนี้ออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
แต่ถ้ามันเป็นจริงล่ะมันจะเป็นยาอะไร? และยาสั่งอีกชนิดหนึ่ง ที่สามารถปลุกศพขึ้นมาได้นั้น มีจริงรึ? บันทึกของหมอสอนศาสนาชาวอังกฤษ ชื่อ บาทหลวง ลีวิส ผู้ซึ่งได้เห็นพิธีกรรมการปลุกศพให้คืนชีพมากับตาตนเอง เขียนเล่าไว้ว่า
ศพนั้นเป็นศพที่ตายไปแล้ว 10 วัน ถูกขุดขึ้นมาจากหลุม และเอาออกจากโลง นำมามัดให้ยืนอยู่กับต้นไม้ใหญ่ น่าแปลกที่ศพนั้นยังไม่เน่าไม่มีวี่แววว่าจะบวมขึ้นอีดเลย แต่ดูซีดคล้ำเหมือนคนตายใหม่ ๆ หมอผีนำผงศักดิ์สิทธิ์ชนิดต่าง ๆโรย และเป่าใส่ร่างของศพ ชงน้ำศักดิ์สิทธิ์กรอกปากศพ และทำพิธีนวดศพ พร้อมกับการท่องมนต์คาถาปลุกเสกเรียกเงาแห่งวิญญาณ ชั่วครู่ก็แก้มัดศพออก ร่างนั้นล้มฟาดลงกับพื้น หัวหน้าหมอผีกระโดดขึ้นส่งเสียงกู่ร้องเรียกวิญญาณ และวิ่งอย่างบ้าคลั่งหายเข้าไปในป่า พวกลูกน้องหมอผียังคงสวดคาถาอาคมร่ายมนต์ให้ศพต่อไป อีก 2-3 ชั่วโมงต่อมา หัวหน้าหมอผีกลับออกมาจากป่าพร้อมด้วยต้นไม้ สมุนไพรต่าง ๆ เต็มสองกำมือ หมอผีปรุงสมุนไพรเหล่านั้นให้เป็นยาชุบชีวิตโดยบดขยี้ให้แหลกผสมกันตาม อัตราส่วน แล้วนำไปบีบคั้นเอาน้ำกรอกเข้าปากและจมูกของศพที่ละหยด พร้อมกับท่องเวทมนต์คาถาปลุกเสกไปด้วย เวลาผ่านไปไม่นาน ศพเริ่มกระดุกกระดิกได้ หมอผีและลูกสมุนลึกขึ้นร่ายรำว่าคาถากันไปรอบ ๆ ศพ และแล้วศพก็คืนชีพทรงตัวลุกขึ้นยืนโงนเงนไปมาได้..
น่าสนใจในบันทึกของบาทหลวงลีวิส คือ เขาได้กล่าวถึงสมุนไพรที่ได้เห็นหมอผีนำมาใช้เป็นยาปลุกศพ.. ในบันทึกเขียนไว้ว่า
....มีสมุนไพรและพืชหลายชนิด แต่ที่เห็นและจำได้ เพราะรู้จักดีก็คือ พืชที่เรียกว่า คาล์ลาโล (Callaloo) ..คาล์ลาโลเป็นพืชที่กินได้ ไม่มีอันตรายและบางครั้งนิยมใช้ปรุงรสโดยต้มรวมกับผักต่าง ๆ..พืชอีกชนิดหนึ่งคือพืชที่เรียกกันว่า Belladonna (เป็นพืชมีพิษมีดอกสีแดงรูปร่างคล้ายระฆัง ) และอีกชนิดหนึ่งคือ แอปเปิ้ลหนาม (thorn apple)
ความจริงแล้วในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน มีตัวยา หรือสารเคมี หลายชนิด ที่สามารถทำให้เกิดอาการโคมา เหมือนตายได้เช่นกัน
และยาพวกนี้เป็นยาอันตรายสูงมาก ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีจะทำให้เกิดการพิการทางสมองไปตลอดชีวิต ..ในไฮติก็มีโรงพยาบาลและแพทย์สมัยใหม่อยู่หลายแห่ง พวกชาวไฮหัวสมัยใหม่เมื่อเกิดอาการไม่สบายก็ไปหาหมอตามโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาแผนปัจจุบัน แพทย์แผนปัจจุบันตามโรงพยาบาลเหล่านี้จึงมีโอกาสได้พบกับผู้ป่วยที่คิดว่า ตนเองโดน ยาสั่ง เข้าให้แล้ว และส่วนใหญ่ของคนไข้ประเภทนี้ก็ได้รับการรักษาจนหายกลับไป มีน้อยรายที่ญาติพาตัวคนไข้มาหาแพทย์และบอกว่าคนไข้นั้นคือ ซอมบี้..ในกรณีของคนไข้ที่เป็นซอมบี้ หมอวินิจฉัยแล้วพบว่าเป็นคนโรคจิต หรือไม่ก็มีอาการผิดปกติทางสมองอย่างรุนแรงนั่นเอง.. ความจริงเบื้องหลังของศพคืนชีพในสายตาจองแพทย์สมัยใหม่ ก็คือเรื่องของความเชื่อถือและไสยศาสตร์มากกว่าจะมีมูลความจริง แต่เรื่องของซอมบี้จะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของ ยาสั่ง อย่างไรนั้น อาจจะมีคำตอบที่น่าฟังดังมาจากมหาวิทยาลัย ฮาร์เวิร์ด.. ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ภาควิชาพฤกษศาสตร์ มีการค้นคว้าเกี่ยวกับพืชและการใช้สมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี การค้นเรื่องพืชที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทำซอมบี้ของชาวไฮติวูดูมานานกว่า 20 ปี ..
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:35:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 4
|
|
|
 |
เวด เดวิส เป็นผู้เชี่ยวชาญด้ายพืชมีพิษจากฮาร์เวิร์ด เดินทางไปค้นคว้าเรื่องนี้โดยเฉพาะที่ไฮติ
ผลงานของเขาออกตีพิทพ์เผยแพร่ในหนังสือ Jaurnal 0f Ethnopharmacology ..เดวิสบุกเข้าไปในดินแดนแห่งเวทมนต์คาถาของไฮติถึง 4 แห่งด้วยกัน แต่ละแห่งต้องใช้ความพยายามอุตสาหะไม่น้อยในการรวบรวมตัวอย่าง พืชมีพิษชนิดต่าง ๆ รวมทั้ง ยาสั่ง หรือสารเคมี (ผงศักดิ์สิทธิ์) ที่พวกพ่อมดหมอผีใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย แล้วนำกลับไปวิเคราะห์ในห้องแลบที่วีเดนและสวิตเซอร์แลนด์ ผลการวิเคราะห์พบว่าผงศักดิ์สิทธิ์หรือยาสั่งประเภทต่าง ๆ หลายชนิด จากดินแดนต่างกันทั้ง 4 แห่ง ต่างก็มีส่วนผสมคล้ายคลึงกัน ทั้งหมดมีส่วนผสมของสารเคมีที่มาจากพืชและสัตว์เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการทาง ประสาทหลอน ประสาทหยุดทำงาน ได้ทั้งสิ้น สารพิษเหล่านั้นที่สำคัญ ๆ ได้แก่ พิษงู พิษแมงมุมยักษ์ และสารพิษที่มีอยู่ในสัตว์ เลื้อยคลานบางชนิดที่มีขาหลาย ๆ ขา เช่น ตะขาบ กิ้งกือ ..การวิเคราะห์ยังพบว่า มีสารพิษสำคัญอยู่ชนิดหนึ่ง เป็นสารพิษที่พบอยู่น้ำเมือกหล่อเลี้ยงผิวหนังของคางคกมีพิษชนิดหนึ่งของ แอฟริกาชื่อ Bufomarinus และยังมีสารพิษร้ายแรงที่สุดที่สามารถทำลายประสาทได้อย่างรุนแรงคือสารจำพวก เทโทรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) สารนี้มีอยู่ในปลาปักเป้ามีพิษ 2-3 ชนิดคือ ปลาตระกูล Diodonhystric Gholacanthus และ Sphoeroides testudineus
เทโทรโดท็อกซิน เป็นสารพิษร้ายแรงจำพวกไม่ใช่สารโปรตืน
ซึ่งมนุษย์รู้จักว่าแรงที่สุดในการระงับ หรือ ทำลายประสาท มีอำนาจแรงกว่าสาร โคแคน ถึง 160,000 เท่า (Cocaine สารสกัดจากต้น โคคา เป็นสารพิษที่ไม่ใช่โปรตีน มี อำนาจระงับประสาทความเจ็บปวดเฉพาะแห่งได้ดี เชื่อว่าสารนี้เป็นตัวการสำคัญในส่วนผสมของ ยาสั่ง ที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้นั่นเอง ..หมอผีหรือผู้วางยาสั่ง ต้องการวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้ตัวยาอเทโทรโดท๊อกซินเข้าสู่ ร่างกายของเหยือ ผลก็คือเหยื่อจะหมดสติ ระบบประสาททั้งมหดทั่วร่างกายหยุดทำงาน นั่นคือตายทั้งเป็น (แต่ยังไม่ได้ตายจริง ๆ) ดร.ลีออน โรซิน จิตแพทย์แห่งสถาบันโรคจิตในยิวยอร์กได้ทดลองฉีดยาสั่งที่เดวิสสั่งตัวอย่าง กลับมา ให้กับหนูทดลอง ปรากฏว่าหนูทดลองหมดความรู้สึกขึ้นโคมารุนแรง เสมือนตาย แต่ต่อมาเมื่อหมดฤทธิ์ยา มันก็กลับฟื้นขึ้นมามีอาการกลับเป็นปกติเหมือนเดิม แสดงว่ายาสั่งไม่ได้ทำลายประสาท (ของหนู) เพียงแต่ทำให้ประสาททั้งหมดหยุดการทำงานไปชั่วคราวเท่านั้น
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:35:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 5
|
|
|
 |
ซอมบี้กลายเป็นทาสของหมอผีได้อย่างไร?
ข้อนี้ เดวิสอธิบายว่า เชื่อว่าศพของผู้ตาย ซึ่งความจริงยังไม่ตาย จะถูกขุดขึ้นมา แล้วนำออกมาจากโลงศพจะได้รับการรักษาด้วยยาถอนพิษ ซึ่งก็เป็นสมุนไพรหลายชนิดผสมกันทำเป็นยาหรือ อาหารศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใส่ให้กับศพแล้วผู้ตายก็ฟื้นคืนสติ จากนั้นหมอผีจะให้กินยาอีกชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายแป้งเปียกสีเขียว ปั้นเป็นก้อนยาว ๆ เรียกกันว่า แตงกวาซอมบี้ (zombie cucumbers) ..เดวิสเชื่อว่า แตงกวาซอมบี้ เป็นสิ่งที่ได้มาจากพืชสมุนไพร และมีสารพิษจากสัตว์บางชนิด ซึ่งมีส่วนผสมของสารพวกโปรตีนอัลคาลอยด์ สารพวกนี้คนที่กินเข้าไปจะเกิดความจำเสื่อม และถ้าโดนเข้าไปมาก ๆ จะทำให้กลายเป็นคนไร้ความนึกคิด จดจำอะไรไม่ได้เลย เพราะเซลล์สมองและประสาทบางส่วนถูกทำลาย ..และนั่นหมายถึง ซอมบี้ ศพคืนชีพ ทาสผู้ซื่อสัตย์ กรรมกรที่ทำแต่งานอยู่ในไร่อ้อยโดยไม่หวังสินจ้างรางวัล หรือแม้แต่คำชมจากใคร
ที่มา : mythland
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:36:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 6
|
|
|
 |
มาดูอีกแหล่งข้อมูลบ้างครับ ...................................... บน โลกของเรามีเรื่องราวลึกลับเกิดขึ้นมากมาย มีหลายเรื่องที่น่าสะพรึงกลัว และไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง แต่ก็ยังสร้างความหวาดหวั่นและข้อสงสัยให้กับเราได้เสมอ เช่น เรื่องราวของซอมบี้หรือศพคืนชีพที่หลาย ๆคนอาจเคยพบในนวนิยายหรือภาพยนตร์สยองขวัญบางเรื่อง จนหลาย ๆคนคิดไป
ว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเรื่องซอมบี้นี้เป็นเรื่องราวที่มี
คนเชื่อถือและคิดว่ามีอยู่ จริง
ว่ากันว่าซอมบี้มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศเฮติ ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะอินดิสตะวันตก ทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนใหญ่ชาวเฮติสืบเชื้อสายมาจากทาสผิวดำชาวแอฟริกัน ตั้งแต่ศตวรรษที่17 ทาสเหล่านี้ถูกนักค้าทาสชาวฝรั่งเศส พามาจากทวีปแอฟริกา และมาใช้แรงงานในไร่อ้อย ซึ่งเป็นพืชที่ทำรายได้มากในสมัยนั้น นอกจากการสืบเชื้อสายแล้ว ยังมีลัทธิความเชื่อที่สืบทอดต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยมีความเชื่อที่ฝังรากลึกในหมู่ชาวเฮติคือ ลัทธิวูดู
เฮติดินแดนแห่งซอมบี้
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:38:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 7
|
|
|
 |
เฮติ (Haiti)
หรือ ชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเฮติ (Republic of Haiti) เป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะฮิสปันโยลาใน ทะเลแคริบเบียน โดยมีเกาะเล็ก ๆ ใกล้เคียงด้วย คือ ลาโกนาฟว์ (La Gonâve) ลาตอร์ตู (La Tortue) เลกาเยอมีต (Les Cayemites) อีลาวาช (Île à Vache) ลากรองด์เก (La Grande Caye) และนาวาส (Navasse) โดยประเทศเฮติแบ่งครึ่งเกาะฮิสแปนิโอลากับสาธารณรัฐโดมินิกัน มีพื้นที่ 10,714 ตารางไมล์ (27,750 ตารางกิโลเมตร)
มีเมืองหลวงคือกรุงปอร์โตแปรงซ์
อดีต เฮติคือตกอาณานิคมของฝรั่งเศส จนประกาศเอกราชในปี พ.ศ. 2347 ใช้ชื่อประเทศว่าเฮติ ซึ่งมาจากชื่อเกาะในคำอาราวักเก่าว่า อายิตี (Ayiti) โดยถือว่าเป็นประเทศเอกราชแห่งที่ 2 ในทวีปอเมริกา (รองจากสหรัฐอเมริกา) และเป็นสาธารณรัฐเอกราชของคนผิวดำแห่งแรกของโลกอีกด้วย แต่ทั้ง ๆ ที่เก่าแก่และมีอายุยาวนาน เฮติกลับเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก
ประ เทศไฮติขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เรียกได้ว่ามีโรคระบาดเกิดขึ้นบ่อยมาก อันเนื่องมากจากขาดหลักสุจอนามัยที่ดีพอในการดำรงชีวิต ทำให้อายุไขเฉลี่ยของประชาชนในประเทศนี้ลดลง คือมักตายก่อนวัยอันควร โดยเมื่อมีคนตายศพของผู้ตายมักนิยมเอาไปฝังในสุสานที่ตกแต่งสวยงาม เนื่องจากมีความเชื่อว่า ยิ่งสุสารมีความสวยงามมากขึ้นเท่าไร ผู้ตายยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ญาติของผู้ตายกลัวจับใจ.................................
"นั้นคือการขโมยศพเพื่อทำซอมบี้ของสิทธิวูดู"
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:39:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 8
|
|
|
 |
ซอมบี้คืออะไร !
ซอม บี้หรือเรียกว่า"ซัมบิ" (zumbi) ..เชื่อกันว่า เป็นศพที่เดินได้ เนื่องจากเป็นร่างไร้วิญญาณที่ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ด้วยอำนาจเวทมนตร์ของนักบวชในลัทธิวูดู ลักษณะการเดินของซอมบิดูคล้ายหุ่นยนต์ที่ไร้วิญญาณ ปราศจากแววตา และจะทำตามคำสั่งของนักบวช
ซอมบี้นั้นในภาษาพื้นเมืองไฮติเขา เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "โบโกร์" (Bokor).. ซอมบี้เป็นทาสผีดิบของหมอผี หรือผู้ทรงไสยดำ ผู้ที่มีอำนาจ (เชื่อว่าเป็นอำนาจจากนรก) เรียกเอาคนตายกลับขึ้นมาจากหลุมศพ..ซอมบี้เป็นเพียงศพที่เดินได้มันกินอาหาร ได้ อาหารที่กินเป็นอาหารพิเศษที่หมอผีจัดหามาให้ มันมีลมหายใจคล้ายคน มันต้องขับถ่าย มันพูดได้ แต่ส่วนมาไม่ได้พูดภาษาคน และมันสามารถได้ยินเสียงหรือรับรู้คำสั่งของหมอผีได้แสดงว่ามันมีชีวิต แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปราศจากความทรงจำใด ๆ ทั้งสิ้น มันไม่รู้จักชีวิตของตัวมันเอง มันไม่มีความรำลึกของอดีตใด ๆ เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่เคยเข้าใจสภาพ หรือสถานภาพใด ๆ เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่รู้จักความเจ็บปวดหรือความกลัว..พูดง่าย ๆ ซอมบี้ เป็นเสมือนหุ่นยนต์ที่มีเลือดเนื้อ เหมือนเครื่องจักรชีวอย่างไงอย่างนั้นนั่นเอง
ชนเผ่าชาไฮติแทบทุกคน รู้จักความชั่วร้ายแห่งไสยดำวูดูเป็นอย่างดี และพวกเขาก็รู้จักซอมบี้ว่ามันมีจริง มันเป็นศพคืนชีพ ทาสรับใช้ของหมอผีหรือผู้มีอำนาจทางไสยดำวูดู พวกชาวบ้านธรรมดาจะสามารถแยกซอมบี้ออกจากหมู่คนธรรมดาได้ทันทีที่ได้เห็น
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:40:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 9
|
|
|
 |
กล่าว กันว่า พวกซอมบี้มักจะมีท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนธรรมดา การเดินของซอมบี้จะโยกเยกตัวไปมามากกว่าคนธรรมดา คล้ายกับว่ามันเป็นเครื่องจักรกลที่เดินได้ มันมีสายตาที่เหม่อลอย ดวงตา ที่ปราศจากแวดของชีวิต และยังกล่าวกันว่า ซอมบี้มีเสียงหายใจที่ดัง และมีจังหวะการสูดลมหายใจเข้าออกข้าเร็วต่างกับคนธรรมดา
ชาวบ้านธรรม ดาในไฮติโดยทั่วไปไม่มีใครกลัวซอมบี้ เพราะไม่เคยปรากฏว่า ซอมบี้ทำอันตรายได้เลย แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวข้องกับซอมบี้ ถ้าเผอิญ ไปเจอมันเข้า สิ่งที่พวกเข้าทุกคนกลัวที่สุดไม่ใช่ซอมบี้ แต่พวกเขากลัวเป็นซอมบี้ กลัวว่าญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนที่รู้จัก และตัวเองเมื่อตายไปแล้วจะกลายเป็นซอมบี้ พวกเขาไม่กล้ารับหน้าหรือให้การต้อนรับซอมบี้ผู้มาเยือน ไม่ว่าซอมบี้นั้นจะเคยเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง หรือ ใครที่เคยรู้จักสนิทสนมด้วยในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
ในการทำพิธีฝังศพญาติพี่น้องของตน ชาวไฮติมีพิธีกรรมที่เรียกว่า "ทำให้ตายครั้งที่สอง" เพื่อป้องกันมิให้ศพกลับลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้
แม้ แต่คนที่ยากจนไม่มีเงินจะทำพิธีศพญาติของตน ยังต้องไปนำก้อนหินขนาดใหญ่ ๆ มาทับหลุมฝังศพเพื่อป้องกันมิให้ศพญาติที่ฝังไว้ลุกกลับขึ้นมา
บาง ครั้งญาติผู้ตายต้องผลัดกันนั่งเฝ้าอยู่ปากหลุมศพ เฝ้ากัน 24 ชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืนไม่ให้คลาดสายตา เป็นเวลานับเดือน ๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าศพในหลุมที่ฝังไว้นั้นเน่าสลายไปหมดแล้ว เพราะกลัวว่าศพอาจคืนชีพเป็นซอมบี้กลับขึ้นมาใหม่นั่นเอง
ในพิธีฝัง ศพของผู้มีเงินหน่อย จะต้องนำสิ่งของต่าง ๆ เช่นลูกปัดหินหลากสี ด้ายสีต่าง ๆ หลายหลอด พร้อมกับเข็มเย็บผ้าหลายโหล และเมล็ดพืชเล็ก ๆ บางชนิดอีกหลายร้อยหลายพันเม็ดใส่ไว้ในโลงศพของผู้ตายด้วย สิ่งของต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องผ่านพิธีการปลุกเสกลงของเสียก่อนโดยผู้ทรงคุณทางไสยขาว (white magic ) วิชาลึกลับใช้เวทมนต์ในทางที่ดีทำเครื่องรางของขลังป้องกันภัยอันตรายหรือ ปลุกเสกเมตรามหานิยมฯลฯก่อนการปิดปากโลงศพ และฝังกลบไว้ในป่าช้า เชื่อกันว่า ถ้าศพคืนชีพขึ้นมามันจะไม่ลุกออกมาจากโลง เพราะมัวแต่เล่นสิ่งของเหล่านั้นจนเพลินนั้นเอง
บางครั้งมีการใส่มีด ที่ลงของลงคาถาไว้ในโลงด้วยหลายเล่ม เพื่อว่าศพคืนชีพเกิดเซ็งขึ้นมาเพราะออกจากโลงไม่ได้ จะได้ฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สอง นอนตายอย่างสงบอยู่ในโลงนั้น พิธีกรรมที่หนักข้อขึ้นไปอีกก็ยังมี กล่าวคือ ก่อนปิดฝาโลง จะจัดการตัดคอศพแยกใส่หีบฝังต่างหาก หรือไม่ก็เอหมุดลงคาถาตอกหน้าอกฝังไว้กับโลงเพื่อป้องกันศพคืนชีพเป็นซอมบี้ พวกไฮติไม่นิยมการเผาศพ แต่ก็มีการเผาศพอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าการเผาศพมิได้ช่วยป้องกันซอมบี้แต่อย่างใด เพราะมีเรื่องเล่ากันว่า คนตายที่ถูกเผาไปแล้ว บางทียังกลายเป็นซอมบี้ได้ ขณะกำลังเผา ๆ อยู่ดันลุกพรวดพราดออกมาจากโลงก็มี ไอ้ตัวซอมบี้แบบนี้น่ากลัวน่าสยดสยองกว่าซอมบี้ธรรมดา ร่างกายมันดำไหม้เฟอะ เป็นศพพิการแต่ยังเดินได้
พวกหมอผีวูดู หรือ พวกจอมคาถาอาคมแห่งวูดู บางคนมีลูกสมุน- ซอมบี้ เป็นกองทัพเลยก็มี นับว่าเป็นทาสผีดิบที่สัตย์ซื่อมาก เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับซอมบี้มีปรากฏอยู่ในบันทึกของชาวตะวันตกที่เดินทางไปอยู่ในแถบไฮติ นับตั้งแต่สมัย ล่าอาณานิคมโน้น วิลเลียม ซีบรุ๊ก ผู้จัดการ ฝ่ายผลิตและส่งออกของบริษัท ผลิตน้ำตาลจากอ้อย
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:41:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 10
|
|
|
สวัสดีท่านท็อปครับผม ขอบคุณมากครับ มาส่องกระจกดูตอนนี้ผมเองก็คล้ายซอมบี้มากเลยครับ ยังไม่ได้นอนเลย อิอิ
1927
11 ม.ค. 56
เวลา 14:44:00 IP = 101.108.20.186
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 11
|
|
|
 |
Hailian American Sugar Corporation"
เคยเขียนบันทึกไว้ว่า
"..มีพวกกรรมกรไร่อ้อยหลาย ร้อยคนเป็นคนงานอยู่ในความดูแลของหมอผีวูดู ซึ่งทำหน้าที่คุมคนงานและจัดหาคนงานมาเข้าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนมนุษย์จักรกล.. มีอยู่หลายสิบคนที่มีพวกญาติพี่น้องมาขอตัวกลับเพื่อนำไปฆ่าให้ตายเป็นครั้ง ที่สอง .. ทำให้เกิดปัญหามาก เพราะพวกญาติพี่น้องมาพบว่า คนงานบางคนเป็นญาติหรือ คนที่เข่ารู้จักดีซึ่งตายไปแล้ว และกลายเป็นซอมบี้อยู่ในอาณัติคาถาของหมอผีวูดู ใช่ให้มาทำงานเป็นทาสอยู่ในไร่อ้อย
"
ซอมบี้คือศพเดินได้จริงหรือ !?
ถ้า เราสังเกตพวกซอมบี้ จะพบว่า พวกซอมบี้มักจะมีท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนธรรมดา การเดินของซอมบี้จะโยกเยกตัวไปมามากกว่าคนธรรมดา คล้ายกับว่ามันเป็นเครื่องจักรกลที่เดินได้ มันมีสายตาที่เหม่อลอย ดวงตา ที่ปราศจากแวดของชีวิต และยังกล่าวกันว่า ซอมบี้มีเสียงหายใจที่ดัง และมีจังหวะการสูดลมหายใจเข้าออกข้าเร็วต่างกับคนธรรมดา และสูญเสียความทรงจำ
"เมื่ออ่านพบว่ามันมีลักษณะคล้ายคนติดยาเสพย์ติดอย่างยิ่ง"
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:45:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 12
|
|
|
 |
เช่นในกรณีของ "คลาอุส นารุคิส" ...
* เรื่องของคลาอุส นารุคิส(Clairvius Narcisse) เขาเคย เสียชีวิตมาแล้ว ด้วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต ในโรงพยาบาลอัลเบอร์โต ชูไบร่า แห่งเฮติ บันทึกบอกไว้ว่าเขาเสียชีวิตลงเมื่อ 2 พฤษภาคม ใน1962 เวลา 1.45 น. และแพทย์สองคนได้ยืนยันแล้วว่าเขาตายจริงๆ......แต่แล้วในปี 18 ปีต่อมา ผู้คนในหมู่บ้านเวสเทเรบ้านเกิดของคลาอุส ต่างแตกตื่น เมื่อพบคลาอุส นารุคิส ออกมาเดินเพ่นพาน เขาเล่าว่าฟื้นขึ้นมาจากความตายและถูกนำตัวไปกระท่อม เพื่อใช้ทำงานร่วมกับซอมบี้ตัวทำไร่อ้อย และเมื่อความจำของเขากลับคืนมา จนจำได้ว่าเขาคือใคร เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดและ มีการยืนยันว่าเขาคือคลาอุส นารุคิสจริงๆ
ที่มา www.thainn.com,เอ็มไทย.คอม
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 14:46:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 13
|
|
|
1927 สวัสดีครับผมก็ใกล้แล้วตั้งแต่ปีใหม่นี่กรำศึกหนักมาโดยตลอด
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:09:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 14
|
|
|
โอว แปะไว้ก่อนเด่วมาอ่านครับ
แบงค์วงมะลิ
11 ม.ค. 56
เวลา 15:11:00 IP = 101.51.206.129
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 15
|
|
|
 |
มาดูข้อมูลนี้บ้างครับ
......................................................
5 เหตุผลวิทยาศาสตร์ที่สามารถทำให้ซอมบี้เกิดขึ้นจริง
พูดถึงซอมบี้ คุณคิดถึงอะไร และอะไรที่ทำให้ซอมบี้เป็นสิ่งที่คนอื่นต่างหวาดกลัวๆ ทั้งๆ ที่มันเป็นเพียงแค่จินตนาการ เรากลัวซอมบี้ก็เพราะสักวันสักวันหนึ่งถ้าเราเป็นซอมบี้สูญเสียอารมณ์ ความคิด และองค์ประกอบต่างๆของมนุษย์ หรือเรากลัวซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาขย้ำคอหอยและกัดกินร่างเราอย่างเจ็บปวด หรือคนในครอบครัวเรากลายเป็นซอมบี้และเราจำเป็นต้องฆ่าเพื่ออยู่รอด หรือรัฐบาลใจร้ายใส่บึ้มระเบิดเมืองของเราจนพังทลายเพียงเพราะเราเป็นซอมบี้ ฯลฯ แน่นอนในโลกแห่งความจริงเราก็นึกแต่ว่าซอมบี้เกิดจากเวทมนต์ของวูดู แต่ ถึงอย่างไรก็มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งๆ มาบอกว่า เอ้ยๆ ซอมบี้ที่อาการเหมือนคนติดยา ไม่มีสติ และทำอันตรายต่อผู้คนนะใช่เปล่า มีสิ มีเหตุผลที่ทำให้เราเป็นซอมบี้ได้นะ มีๆ สามารถอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยนะจะบอกให้ และนี้คือ 5 เส้นทางของมันที่ซอมบี้สามารถเกิดได้โดยวิทยาศาสตร์
อันดับ 5 ปรสิตสมอง(Brain Parasites) http://www.oknation.net/blog/print.php?id=314035 ใครเคยดูการ์ตูนเรื่องปรสิตของอาจารย์นาโอกิ หรือไบโอ 4 อาจโอ้ๆ เยสนั้นแหละ ความจริงเรื่องราวของปรสิตที่ซอนไซถึงสมองและสามารถควบคุมจิตใจ,บงการให้เราทำตามคำสั่งของมันได้นั้นมีอยู่จริง อีกทั้งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือไกลตัวแต่อย่างใด มีให้เห็นใกล้ๆ ตัวมาแล้ว เช่น Sacculina Carcini เป็นหอยเพรียงตระกูลหนึ่งที่ตัวเมียสามารถเจาะกระดองปูแล้วเปลี่ยนให้ปูเป็นซอมบี้และทำตามคำสั่งมัน โดยปูจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้ปรสิตเพียงอย่างเดียวกิจวัตรเหลือแค่กินและกินเพื่อป้อนอาหารทั้งหมดให้กับปรสิต หรือจะเป็นพยาธิชื่อ Dicrocoelium dendriticum ที่สามารถบงการมดงานได้ เป็นต้น
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:22:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 16
|
|
|
 |
ส่วนปรสิตที่สามารถควบคุมสมองของคนนั้นก็มีและอยู่ใกล้ๆ ตัวเรานี้เอง เรียกว่า Toxoplasma Gondii มันเป็นปรสิตตัวเล็กๆ นี้สามารถบงการหนูได้ และมันจะบงการบังคับให้หนูให้แมวฆ่าเพื่อให้มันกระโดดข้ามไปอาศัยในลำไส้ของแมวและแพร่พันธุ์ผ่านอุจจาระ นอกจากนี้มันสามารถบงการสัตว์อื่นๆ ได้ รวมถึงคน!! ใช่ มันบงการคนได้! คนที่จะโดนปรสิตซอนไซสมองและควบคุมส่วนมากมักเป็นสตรีตั้งครรภ์หรือพวกที่มีภูมิคุ้นกันโรคต่ำ และเมื่อเจ้าแมลงนี้ซอนไซสมองสุภาพสตรีจะติดเชื้อโดยผลคือทำให้เฉลียวฉลาดขึ้น แต่อารมณ์จะแปรปรวนชอบแสดงออกทางความรักแนว Sexy naughty y แต่ผู้ชายนั้นตรงกันข้ามกันคือโง่ลง ขี้ระแวง ขี้หึง บ้า แต่ขณะเดียวกันก็ซื่อสัตย์มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ตามมา เช่นซึมลง อ่อนแรงแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง ปวดศีรษะ ชัก และหมดสติ คลื่นไส้(อาการเหมือนซอมบี้ไหมล่ะ) อาจเป็นเรื่องขำๆ แต่จากสถิตพบว่าพลเมืองเกือบครึ่งโลกจากประเทศ 39 ประเทศถูกแมลงชนิดนี้ควบคุมแล้ว(ของไทยประมาณ 12%) ซึ่งผู้ชายติดมากที่สุดและแสดงอาการขี้หึงและอารมณ์ร้อนขึ้น(เช่นขับรถห่วยแตก, การศึกษาต่ำ, ป่าเถื่อน, จลาจล ฯลฯ)แล้วคุณคือหนึ่งในเหยื่อของมันหรือเปล่า?
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:23:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 17
|
|
|
 |
อันดับ 4 พิษ (Neurotoxins) (Neurotoxins เป็นพิษที่พบมากที่สุดในงูกลุ่มElapidae เช่นงูเห่า) เคยมีการตรวจสอบส่วนผสมยาทำซอมบี้มาแล้ว ซึ่งน่าสนใจคือมันมีส่วนผสมของพิษค่อนข้างเยอะ ซึ่งพิษเหล่านี้ก็มี"Belladonna" (เป็นพืชมีพิษมีดอกสีแดงรูปร่างคล้ายระฆัง ) , "แอปเปิ้ลหนาม" (thorn apple), พิษงู พิษแมงมุมยักษ์ ฟูโกะ (ปลาปักเป้าญี่ปุ่น) และสารพิษที่มีอยู่ในสัตว์เลื้อยคลาน แมลงหลาย ๆ ขา เช่น ตะขาบ กิ้งกือ ซึ่งสารพวกนี้จะทำให้เกิดอาการหลอน ประสาทหยุดทำงาน ส่งผลให้ตายชั่วระยะเวลาหนึ่งถ้าใช้ปริมาณที่ถูกต้อง
แล้วคนตายแล้วฟื้นกลายเป็นทาสของหมอผีได้อย่างไร? ข้อนี้อธิบายได้ว่า เชื่อว่าคนตายยาพิษที่หมอผีให้กินนั้นจริงๆ แล้วไม่ตาย และคนตายจะนำมาฟื้นคืนชีพด้วยการนำรักษาด้วยยาถอนพิษ จากนั้นหมอผีจะให้กินยาอีกชนิดหนึ่ง เรียกกันว่า "แตงกวาซอมบี้" (zombie cucumbers) ซึ่งมีส่วนผสมของสารพวกโปรตีนอัลคาลอยด์ สารพวกนี้คนที่กินเข้าไปจะเกิดความจำเสื่อม และถ้าโดนเข้าไปมาก ๆ จะทำให้กลายเป็นคนไร้ความนึกคิด จดจำอะไรไม่ได้ เพราะเซลล์สมองและประสาทบางส่วนถูกทำลาย ..และนั่นหมายถึง ซอมบี้ ศพคืนชีพ ทาสผู้ซื่อสัตย์ เรื่องราวที่เห็นได้ว่าซอมบี้เกิดจากยาสั่งคือเรื่องของคลาอุส นารุคิส(Clairvius Narcisse) เขาเคย เสียชีวิตมาแล้ว ด้วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต ในโรงพยาบาลอัลเบอร์โต ชูไบร่า แห่งเฮติ บันทึกบอกไว้ว่าเขาเสียชีวิตลงเมื่อ 2 พฤษภาคม ใน1962 เวลา 1.45 น. และแพทย์สองคนได้ยืนยันแล้วว่าเขาตายจริงๆ......แต่แล้วในปี 18 ปีต่อมา ผู้คนในหมู่บ้านเวสเทเรบ้านเกิดของคลาอุส ต่างแตกตื่น เมื่อพบคลาอุส นารุคิส ออกมาเดินเพ่งพาน เขาเล่าว่าฟื้นขึ้นมาจากความตายและถูกนำตัวไปกระท่อม เพื่อใช้ทำงานร่วมกับซอมบี้ตัวทำไร่อ้อย และเมื่อความจำของเขากลับคืนมา จนจำได้ว่าเขาคือใคร เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดและ มีการยืนยันว่าเขาคือคลาอุส นารุคิสจริงๆ
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:24:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 18
|
|
|
 |
อันดับ 3 เชื้อโรคแห่งความโกรธเกรี้ยว (The Virus) http://www.dld.go.th/inform/survei/bse2_1.html เรื่องราวของไวรัสกลายประเด็นในหนังที่ชอบมาเล่นมากที่สุด เช่น หนังเรื่อง 28 Days Later ไวรัสที่ระบาดในมนุษย์จนกลายเป็นซอมบี้ที่เหมือนคนบ้าที่ไม่ได้รับการเยียวยาจิตใจ มันจะที่ฆ่าคนไร้เหตุผลมันจะโจมตีคุณข้างหลัง กัดกินสมอง โอ้ ..........ดูๆ ไปก็เหมือนเชื้อบนโลกเรานี้แหละ โรคที่ใกล้เคียงไม่สิเหมือนเลยก็ว่าได้กับไวรัสซอมบี้คือ โรควัวบ้า Bovine Spongiform Encephalopathy (BSE) เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับวัว เริ่มระบาดในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1986 และสามารถเกินขึ้นในคนได้โดยเรียกโรคนี้อีกชื่อหนึ่งว่าสมองฝ่อ คนที่ติดโรคนี้มันคล้ายๆ ซอมบี้มาก คือ อาการจะเริ่มแรกจะเบื่ออาหาร ความจำเสื่อมเช่นจำชื่อญาติสนิทไม่ได้ จำเบอร์โทรไม่ได้ พฤติกรรมเปลี่ยนไปเช่นการเปลี่ยนแปลงท่าเดินเซไปเซมาแยกตัวออกจากสังคม มีอาการประสาทหลอน, เครียดโกรธง่าย, มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น(มือสั่น ทรงตัวไม่ได้ หกล้มบ่อย) และเมื่อปล่อยโรคนี้ไว้นานๆ เข้าผู้ป่วยจะ ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหว ตาบอด กล้ามเนื้ออ่อนแรง โคม่า และเสียชีวิตในหนึ่งปี
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:25:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 19
|
|
|
 |
อีกโรคชนิดหนึ่งที่ใกล้เคียงกับไวรัสซอมบี้ก็คือ โรคพิษสุนัขบ้าที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณบ้าคลั่งและหันมาทำร้ายคุณได้ แม้โรควัวบ้าจะหายาก(แม้บางทีไม่หายากตามที่เราคิด) ประมาณ 1/1000000 คน แต่มันก็ทำให้ประเทศยุโรปและอเมริกาคลั่งมาแล้ว ถึงขั้นไม่กินเนื้อวัวและฆ่าวัวตายไปหลายพันตัวเพียงเพราะเจอวัวตัวเดียวติดโรคชนิดนี้(เหมือนกรณีไข้หวัดไก่บ้านเรา) อีกทั้งยังเป็นโรคที่ผู้ก่อการร้ายนิยมมาใช้บ่อยๆ(ใส่ในจดหมายไง) ดังนั้นเราจะพูดเต็มปากเต็มคำหรือเปล่าละว่าคนธรรมดานั้นน่ากลัวกว่าซอมบี้เสียอีก
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:26:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 20
|
|
|
 |
อันดับ 2 การเกิดใหม่ของเซลล์ประสาท (Neurogenesis) http://www.thaigoodview.com/node/773 การเกิดใหม่ของเซลล์ประสาท(Neurogenesis) เป็นกระบวนการที่เซลล์ต้นกำเนิดประสาทแบ่งตัว เจริญพัฒนา เดินทางไปยังบริเวณที่จำเพาะ และเกิดไซแนปส์กับวงจรประสาทเดิม และสามารถทำหน้าที่เซล์ประสาทที่สมบูรณ์ได้ มีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมกระบวนการดังกล่าวทั้งในระดับยีน เซลล์ พฤติกรรม และสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ มันเริ่มมาจากเรื่องของ ไมค์ ไก่ไร้หัว (Mike the headless Chicken) มีอีกกรณีคือ มี ไก่ในต่างประเทศที่โดนตัดหัวขาดกระเด็น แต่ตัวมันกลับยังไม่ตายเพราะเลือดมันแห้งเร็วแถมอยู่ได้อีกหลายวัน....อันเนื่องมาจากตอนขวานจามใส่หัวไก่นั้นขวานไม่ได้ตัดเส้นประสาทสำคัญของไก่ไปด้วย แล้วเส้นประสาทเหล่านั้นก็ประสานขึ้นมาใหม่จนไก่มีชีวิตได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสมอง เพราะตัวของมันคือสมอง ซึ่งได้รับโปรแกรมให้หายใจ เคลื่อนไหวได้ตามปกติ(เพียงแต่มองไม่เห็นเฉยๆ) นอกจากนี้บางทีไร้หัวและมีชีวิตอยู่ได้นั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เหมือนในกรณีของ นักโทษโดนประหารโดยตัดคอขาด แต่เขายังมีชีวิตอยู่โดยเอามือมาจับที่หัวที่หายไปและคลำไปทาง ผนังเป็นลอยมือที่เปื้อนเลือด ไปได้อีกหลายเมตรก่อนที่จะตายลง....
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:27:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 22
|
|
|
 |
เรื่องราวการคืนชีพคนที่ตายแล้วให้กับมีชีวิตนั้นยังเป็นเรื่องราวท้าทายของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์การวิจัยกู้ชีพซาฟาร์ แห่งมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (Pittsburgh's Safar Centre for Resuscitation Research) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำแนวคิดนี้ไปพัฒนาวิจัยหลายๆ อย่าง เช่นการทดลองกับ สุนัข ที่เพิ่งตายไปในเวลาไม่นานมาชุปชีวิตใหม่อีกครั้ง โดยมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เพียงแค่ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของสุนัขเหลือแค่เพียง 7 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายให้อยู่ในสภาพดีที่สุด ก่อนเริ่มแทนที่เลือดด้วยน้ำเกลือ เมื่อเสร็จสิ้นตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว ก็จะมีการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าเพื่อให้หัวใจกลับมาทำงานได้เป็นปกติอีกครั้ง ผลออกมาคือเราจะได้สุนัขที่ฟื้นคืนชีพจากความตายอีกครั้ง และสภาพมันปกติทุกประการ โดยสุนัขเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า หมาซอมบี้ โดยเชื่อว่าภายใน 10 ปีข้างหน้าเทคโนโลยีนี้นำมาใช้จริง โดยเฉพาะอย่างในสมรภูมิรบ!!
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:28:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 23
|
|
|
 |
อันดับ 1 นาโนบอดี้(Nanobots) http://nanotech.sc.mahidol.ac.th/nano/nanotech1.htm นาโนบอดี้ เป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กจิ๋วสุดๆๆ ที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่หลายอย่างตั้งแต่การช่วยสังเคราะห์โปรตีนด้วยกันเอง ควบคุมให้ปฏิกริยาต่างๆ เกิดขึ้นได้ เช่นการเผาผลาญอาหาร การกำจัดสิ่งแปลกปลอม เป็นต้น ควบคุมการเข้าออกของสารเคมีต่างๆ ผ่านเซลล์ ไปจนถึงการทำหน้าที่เป็นโครงสร้างให้กับอวัยวะ หรือทำให้สัตว์เคลื่อนไหวได้ ฯลฯ นอกจากนาโนบอดี้ มันมีคุณสมบัติเหลือเชื่ออีก คือมันสามารถวิวัฒนาการไปจนมีความฉลาดพอๆ กับมนุษย์ได้,ความสามารถในการประกอบตัวเอง และมันยังสามารถขยายพันธ์ได้ด้วย (Self Replication) แม้นาโนบอดี้จะเป็นของใหม่ แต่ตามที่ศึกษา ภายในระยะเวลา 10 ปี เราอาจมีนาโนบอดี้ที่สามารถเลื้อยไปในร่างกายของคุณทันทีโดยไม่ต้องพึ่งหมออีกต่อไป แต่รู้ไหมว่าเราลืมอะไรไปอย่าง?
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:29:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 24
|
|
|
 |
นาโนบอดี้ อาจจะนำไปสู่หายนะที่คาดไม่ถึง ถ้าสมมุตินาโนบอดีที่ว่าเกิดทำสำเร็จ จนมันสามารถอยู่อาศัยบนร่างเราเรียบร้อย และมันมีความฉลาดพอๆ กับมนุษย์ และถ้าเกิดเราตายลงแต่เจ้าเทคโนโลยีบอดียังโปรแกรมทำงานอยู่โดยไม่ได้ตายพร้อมกับเราละอะไรจะเกิดขึ้น? แม้สมองของเราจะตายแล้วเจ้านาโนนี้ก็จะทำงานและมันจะทำการสร้างรูปแบบระบบประสาท ขึ้นมาใหม่ บังคับกล้ามเนื้อในร่างกายของเรา แม้ร่างกายจะผุเน่าและสมองตายแล้ว แต่ซอมบี้ที่นาโนบอดีบงการอยู่ก็ยังสามารถแคลื่อนไหวได้ตามที่มันนึก และเมื่อนาโนนี้ถูกโปรกรรมการเพิ่มจำนวนตัวเอง (self-replicate) มันจึงต้องการเพิ่มจำนวนและหาร่างใหม่ดังนั้นมันเลยบงการร่างนั้น กัดเหยื่อที่แข็งแรง เพื่อให้นาโนบอดี้ เข้าไปติดตั้งในสมองเจ้าของบ้านใหม่ของมัน และมันสามารถปิดการทำงานของสมองเหยื่อรายใหม่ได้ และเมื่อสมองหยุดทำงานมันก็เปลี่ยนระบบประสาทใหม่ ที่นี้เราก็จะได้สมาชิกใหม่ในกองทัพไม่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีวันตายได้แล้ว ตอนนี้เราคงตอบไม่ได้ว่าท้ายสุดแล้วเทคโนโลยีนาโนจะเป็นความหวังหรือหายนะครั้งใหม่ของมนุษย์โลก ที่มีอันตรายร้ายแรงพอๆ กับน้ำท่วมโลกหรือดาวเคราะห์น้อยตกใส่โลกหรือเปล่า ดังนั้นเรายังไม่ต้องตกใจกลัวในตอนนี้ เพราะยังต้องพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ต่อไปเพื่อหาคำตอบข้างหน้าว่าเราจะใช้มันยังไงให้ประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติในวันข้างหน้า
top2513
11 ม.ค. 56
เวลา 15:30:00 IP = 125.26.36.112
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 25
|
|
|
ผมว่า ผมอาจจะติดคำตอบ16 ก็เป็นได้ครับ
แต่นาโนบอทนี่ มันน่ากลัวจริงๆ หากมันตกอยู่ในมือผู้ก่อการร้ายเนี่ย
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะครับ
tamasnare
11 ม.ค. 56
เวลา 16:44:00 IP = 182.52.140.119
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 26
|
|
|
ผมว่าน่ะครับ บางทีซอมบี้ไม่ได้เกิดจากมนต์ดำอะไรหรอก ผมน่าจะเกิดระยำของมนุษย์ ที่ต้องการหาแรงานทาสมาใช้โดยไม่ต้องจ้าง เพียงแต่อาศัยวิทยาการ ให้กินยาพิษให้เกือบตายแล้วญาติก็นำไปฝัง แล้วเขาก็ไปขุดศพแล้วให้ยาถอนพิษ แล้วให้กินยา/สมุนไพร พวกทำให้ปราสาทเสียแล้วสั่งงานได้เชื่อฟังโดยไม่ขัดขืน ให้ฆ่าคนกินศพ ทำตามที่สั่งได้หมด สรุปจากที่อ่านของคุณ top2513 น่ะ
eakibanez
11 ม.ค. 56
เวลา 16:46:00 IP = 58.8.206.107
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 27
|
|
|
น่ากลัวๆ สงสัยต้องซุ่มที่สูงแบบ เกมยิงซอมบี้ซะแล้ว
khabee123
11 ม.ค. 56
เวลา 19:44:00 IP = 141.0.9.14
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 28
|
|
|
อ่านเพลินเลยครับ กำลังบ้าหนังซอมบี้อยู่พอดีเลย เรื่องนี้เลยThe Walking Dead
aomam888
11 ม.ค. 56
เวลา 20:15:00 IP = 223.205.142.227
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 29
|
|
|
ขอบคุนสำหรับบทความคับ + +
AzЯōck 11 ม.ค. 56
เวลา 22:16:00 IP = 113.53.69.102
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 30
|
|
|
จากที่อ่านเนี่ย พิษสุนัขบ้า กับ โรควัวบ้า นี่น่าจะไกล้เคียงความจริงที่สุด พวกหมาที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้านี่มันหมอซอมบี้ชัดๆ ถ้ามันติดสู่คนแล้วคนมีอาการแบบนั้นบ้างล่ะ ??
teelamyai
11 ม.ค. 56
เวลา 23:30:00 IP = 27.55.14.180
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 31
|
|
|
ขอบคุณกับการแบ่งปันครับ
tong 2516
12 ม.ค. 56
เวลา 3:16:00 IP = 124.122.182.158
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 32
|
|
|
เหดียวมาอ่านใหม่ ^^ ไปนอนก่อน
loanstar_man
12 ม.ค. 56
เวลา 5:13:00 IP = 223.205.67.170
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 34
|
|
|
ขอบคุณครับ ^^
B_Empire 12 ม.ค. 56
เวลา 22:03:00 IP = 103.10.229.125
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 35
|
|
|
อ่านไปอ่านมา รู้สึกกลัวหละ แต่สนุกดีนะค่ะ น่าสนใจเลย
morakotK 14 ม.ค. 56
เวลา 17:30:00 IP = 14.207.155.232
|
|
|
 |
|
 |
|