(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  ถามเรื่องโรคเริมครับ (ผมไม่ได้เป็น เเต่อีกคนเป็น) 18up  
 
คือมีผู้หญิงคนนึง อิอิ รู้จักกันมานานละครับ
เธอทำให้ผมอยาก...มาก เเต่ก็เคยได้ยินเพื่อนเธอบอกมาว่า
สมัยเขาคบกับเเฟนเก่า เธอเป็นเริม อึ๋ย.. (เคยดูผิวรอบปากไม่ใช่ริมฝีกปากนะ มีความหมองคล้ำ)
ตอนนี้อาการก็ดูปกติครับ ไม่มีอะไร เนียนๆ
ขออนุญาตนะครับ
......ถ้าผมอยากมีอะไรกับเธอเนี่ย มีความเสียงมากไหมครับ เหมือนเคยได้ยินว่าใส่ถุงก็ไม่ช่วยไร
เเต่อาการเธอหายเเล้ว (ผมไม่ได้รู้ลึกมากนะ) มีโอกาสติดไหมครับ
ผมก็กลัวๆ หรือควรตัดใจไปชัก...เเบบจอห์นชาวไร่ดีครับ ^ ^l



birser      4 ก.พ. 56   เวลา 18:59:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 118.172.88.57
 


  คำตอบที่ 1  
 
เอิ๊กๆๆ
ตัดใจยากนะ ของแบบนี้ ยิ่งเวลาเคลิ้มๆ อิอิ

   The_guitar      4 ก.พ. 56   เวลา 19:04:00    IP = 210.118.108.254
 


  คำตอบที่ 2  
 
คำจาก สมองผมนะ ไม่ได้หาในเว็บเลย

เริม คือ เชื้อไวรัสที่ติดต่อทางผิวหนัง ชื่อว่า เฮอปี้อะไรไม่รู้ จะติดต่อก็ต่อเมื่อมันยังมีเชื้ออยู่ ถ้ารักษาให้หายไม่ต้องก็ได้มันจะหายเอง แต่ ถ้าใช้ยาจะหายไวมากกว่า

จากประสบการณ์ตรงเคยเป็น ถ้าเป็นที่ปากให้ใช้ยาทาชนิดครีม
ถ้าบริเวณอื่น ซีม่า ครับไวเชียว

ตามนี้

สรุปกระทู้หลอกด่าว่าผม กาก หรือ กลากเกลื้อน เรื้อนครับ อิอิ ล้อเล่นนะคุณครู

   hackprevent      4 ก.พ. 56   เวลา 19:07:00    IP = 124.121.59.216
 


  คำตอบที่ 3  
 
เริม เป็นแล้วไม่มีทางรักษาให้หายครับ
เพราะตอนที่ร่างกายแข็งแรงปกติ เริมจะเข้าไป
ซ่อนตัวที่ไขกระดูกสันหลัง ซึ่งช่วงนี้ผู้ที่เป็นอยู่
ก็เหมือนคนทั่วไป และไม่มีการติดต่อด้วย
ต่อเมื่อผู้ที่มีเชื้อ มีร่างกายอ่อนแอ เริมถึงจะออกมา
ให้เห็น และช่วงนี้นี่แหล่ะ ที่เป็นช่วงติดต่อ
เพราะฉนั้น ผู้ที่ไม่เคยมีอาการ ก็ไม่ได้หมายความว่า
ไม่มีเชื้อเริมอยู่ในร่างกาย เพียงแต่อาจจะซ่อนตัวอยู่ก็ได้

เริม เป็นได้ที่ริมฝีปาก กับที่อวัยวะเพศ โชคดีที่เริมทั้ง
2 ที่นี้ ไม่ติดข้ามกัน หมายความว่า ถ้ารับเชื้อจากทางปาก
ก็จะเป็นที่ปากเท่านั้น

การติดต่อ เป็นการสัมผัสโดยตรงหรือใช้ภาชนะร่วมกัน
(แก้วน้ำ ช้อน หลอดดูดน้ำ แปลงสีฟัน)

การรักษา จะใช้ครีมทา(ไปถามชื่อที่ร้านขายยาเอาเอง จำไม่ได้)
และรักษาตามอาการ

   tnaw  4 ก.พ. 56   เวลา 19:11:00    IP = 110.171.84.145
 


  คำตอบที่ 4  
 
ถ้าไม่อยู่ในระยะแพร่เชื้อก็ไม่เป็นไหร่นะครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      phuntin  4 ก.พ. 56   เวลา 19:15:00    IP = 27.55.1.108
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
ตามที่คุณ tnaw บอกครับ เริมที่แสดงอาการที่ปากมักเป็นคนละชนิดกับที่อวัยวะเพศครับ เพิ่มเติมนิดหน่อนครับ มีรายวงานการติดข้ามกันได้ครับระหว่างปากกับอวัยวะเพศถ้าสัมผัสกันโดยตรงครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      phuntin  4 ก.พ. 56   เวลา 19:19:00    IP = 27.55.1.108
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
โอ้ว ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ กีต้าร์ไทยสุดยอด

   ท่านเซ่อร์      4 ก.พ. 56   เวลา 19:31:00    IP = 101.109.135.131
 


  คำตอบที่ 7  
 
ฟันตูด แทนครับ

   hobbits70      4 ก.พ. 56   เวลา 19:41:00    IP = 183.88.249.46
 


  คำตอบที่ 8  
 
ท่าน จขกท จะฟันแล้ว ท ท ท เหรอครับ ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นครับ

   ochikawa  4 ก.พ. 56   เวลา 20:14:00    IP = 124.120.46.5
 


  คำตอบที่ 9  
 
ครบเครื่องครับ กีต้าร์ไทย อิอิ อยากถามเเนวนี้เหมือนกัน เเต่กลัวโดนด่า ดุ เเบน ถามใครไม่ได้ ต้องคุยกับคนสนิทจริงๆ ฮาาาา

   KNOT      4 ก.พ. 56   เวลา 21:14:00    IP = 141.0.10.75
 


  คำตอบที่ 10  
 
มนุษย์เราไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส ให้สิ้นซากจากร่างกายได้ครับ

แต่เชื้อเริมทำได้เพียงแค่ก่อความรำคาญเป็นบ้างครั้งครับ ยังไม่อันตราย และมันก็แพร่เชื้อได้ง่ายด้วยครับ




โรคเริม เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังและเยื่อบุบริเวณปากและอวัยวะเพศ เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เฮอร์ปีซิมเพลกซ์ (Herpes simplex virus) ซึ่งมี 2 ชนิด คือ

1.เฮอร์ปีซิมเพลกซ์ 1 Herpes simplex virus 1 (HSV-1) ถ้าติดเชื้อนี้แล้วมักจะเกิดอาการโรคบริเวณปากและผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไป เกิดที่ปากเรียก Herpes labialis โรคนี้ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์

2.เฮอร์ปีซิมเพลกซ์ 2 Herpes simplex virus 2 (HSV-2) มักเกิดบริเวณอวัยวะเพศและติดต่อโดยเพศสัมพันธ์เรียก Herpes genitalis

แล้วจะติดโรคได้อย่างไรกัน ?

ทุกๆคนจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อนี้ได้ทั้งนั้น เชื้อไวรัสเริมติดต่อทางการสัมผัสโดยตรงกับผู้ได้รับเชื้อที่มีแผลถลอกอยู่ โดยเจ้าเชื้อนี้สามารถเคลื่อนผ่านรอยแตกเล็กๆ บริเวณผิวหนัง หรือเยื่อบุผิวที่ชุ่มชื้นบริเวณริมฝีปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก ทำให้เชื้อเริมเข้าไปได้

เช่นเดียวกัน มีรายงานการติดเชื้อเริมจากการเข้าห้องน้ำสาธารณะ บางคนเป็นเริมที่นิ้วมือ ติดจากการจับมือกัน การโหนราวรถเมล์ การจับลูกบิดประตูห้องน้ำสาธารณะ การจับโทรศัพท์สาธารณะ โดยทั่วระยะเวลาฟักตัวของไวรัสเริมประมาณ 2-20 วัน

โดยเชื้อ (HSV-1) จะติดต่อทางสารหลั่งในปาก โดยมากมักพบเริมที่บริเวณริมฝีปาก หรือบริเวณอวัยวะเพศ การจูบหรือดื่มน้ำแก้วเดียวกันทำให้เชื้อเริมติดต่อได้

ส่วน (HSV-2) การมีเพศสัมพันธ์ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเป็นเริมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ปกติ ทางปาก หรือทางทวารหนัก เชื้อจะติดต่อไปยังอวัยวะเพศและทวารหนัก เมื่อเชื้อเข้าทางผิวหนังเชื้อจะไปตามเส้นประสาททำให้เชื้อลามเป็นบริเวณกว้างและอาจจะเกิดผื่นที่บริเวณใหม่ ที่พบมากในผู้ชาย คือบริเวณองคชาติ อัณฑะ หรือก้น ส่วนในผู้หญิงมักเป็นบริเวณปากช่องคลอดภายนอกหรืออาจเป็นภายในช่องคลอดก็ได้

ฉันอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดโรคนี้ไหม ? จะได้ป้องกันไว้ก่อน

ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่ปากคือวัยเด็กอายุ 4-5 ปีมักติดต่อทางการสัมผัสเช่นการใช้ของร่วมกัน ส่วนผู้ใหญ่ก้อมักจะติดต่อกันโดยการจูบ ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อนี้ยังสามารถติดต่อจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยเฉพาะที่ตาโดยการสัมผัสด้วยมือ การป้องกันก็ต้องหมั่นล้างมือทำความสะอาด

ส่วนผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่อวัยวะเพศ (HSV-2) การติดเชื้อเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะทางตรงจากการมีการร่วมรักกันตามปกติหรือทางปาก oral sex จึงควรต้องระวังเป็นพิเศษสังเกตคู่ของคุณดูด้วยว่า บริเวณริมฝีปากและบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ มีแผลหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นแผลเริม การป้องกันควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางคุมกำเนิดขณะมีอาการติดเชื้อ ส่วนเด็กทารกมักจะติดเชื้อในแม่ที่ติดเชื้อ HSV-2 และมีการคลอดก่อนกำเนิดหรือต้องใช้เครื่องมือในการคลอด

มีรายงานพบว่าบางคนเป็นเริมที่นิ้วมือ อาจเกิดจากการจับมือกัน การโหนราวรถเมล์ การจับลูกบิดประตูห้องน้ำสาธารณะ การจับโทรศัพท์สาธารณะ โดยทั่วระยะเวลาฟักตัวของไวรัสเริมประมาณ 2-20 วัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีรายงานการศึกษาแม้จะไม่มีผื่นหรืออาการเชื้อก็สามารถแพร่ออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่ยืนยันว่าว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่มีอาการจะปลอดภัยจากโรคเริมได้

ถ้าคิดว่าฉันติดเชื้อเข้าให้แล้ว จะมีอาการของการติดเชื้ออย่างไรบ้าง ?

หากว่าสงสัยว่าตัวคุณผู้หญิงนั้นจะมีโอกาสติดเชื้อนี้เข้าบ้างไหมเพราะมีปัจจัยเสี่ยงเสียเหลือเกินเช่น คู่ของคุณมีแผลบริเวณดังกล่าว หรือการไม่ได้สวมถุงยางอนามัย เอาหล่ะถ้าติดเชื้อไปแล้ว อาการเริ่มต้นที่คุณจะรู้สึกและสังเกตได้ก็คือจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนตรงตำแหน่งที่ได้รับเชื้อ อาการของการติดเชื้อที่ปากและที่อวัยวะเพศจะเหมือนๆกันเพียงแต่ขึ้นกันคนละที่

อาการจะแบ่งเป็น

1. การเป็นครั้งแรก Primary Infection เริ่มด้วยอาการปวดแสบร้อน อาจมีอาการคัน เจ็บจี้ดๆหรือปวดแสบปวดร้อนบ้าง ต่อมาจะมีอาการบวมและอีก 2-3 วันจะมีตุ่มน้ำพองใสเหมือนหยดน้ำเล็กๆ มีขอบแดง ตุ่มน้ำมักจะแตกออกใน 24 ชั่วโมงและตกสะเก็ดเป็นแผลถลอกตื้นๆ ตุ่มอาจจะรวมเป็นกลุ่มใหญ่และเป็นแผลกว้างทำให้ปวดมาก โดยทั่วไปหากรักษาความสะอาดได้ดีไม่ให้ติดเชื้อซ้ำหรือมีหนอง แผลที่เกิดจากตุ่มจะหายเองได้ใน 2-3 สัปดาห์ ตำแหน่งที่พบได้บ่อยได้แก่ ปาก ริมฝีปาก ตา เมื่อแผลแห้งแล้วจะไม่ติดต่อ ระหว่างที่เป็นผื่นต่อมน้ำเหลืองใกล้ๆเช่นรักแร้หรือขาหนีบอาจจะโต และอาจจะมีไข้ปวดเมื่อยตามตัวได้

หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะปลอดอาการ Latency and Shedding ช่วงนี้เชื้ออยู่ในร่างกายโดยที่ไม่เกิดอาการอะไรเลยเหมือนปกติทั่วไป แต่เชื้อก้ออาจจะแบ่งตัวและสามารถติดต่อได้โดยเฉพาะเชื้อที่อวัยวะเพศแม้ว่าจะไม่มีผื่น

2. การกลับมาเป็นซ้ำ Recurring Infections เมื่อมีการติดเชื้อครั้งแรกแล้ว หลังจากนั้นจะมีการกลับเป็นผื่นใหม่เป็นระยะๆ เนื่องจากร่างกายกำจัดเชื้อไวรัสได้ไม่หมด การกลับมาเป็นใหม่ของโรคเริมแต่ละครั้งมักมีอาการน้อยกว่าและเป็นเกิดเป็นพื้นที่น้อยกว่าไม่ค่อยมีไข้ แต่มักเป็นบริเวณใกล้ๆกับที่เดิมโดยเฉพาะที่อวัยวะเพศ ผู้ที่เป็นโรคนี้มาแล้วมักรู้สึกว่ามี “อาการเตือน” นำมาก่อน ได้แก่ตุ่มน้ำมาก่อน 1–3 วัน เจ็บเสียวแปลบๆ คันยุบยิบ ปวดแสบปวดร้อนในบริเวณรอยโรคเดิม

ตรงนี้แหละครับที่ผู้ป่วยมักจะรำคาญ เพราะการเป็นเริมครั้งถัดๆ มา จะไม่ใช่เป็นการติดเชื้อใหม่ แต่เป็นเชื้อเดิมที่หายแล้วแต่จะซ่อนตัวอยู่ในบริเวณปมประสาทที่อยู่ใกล้เคียงในร่างกายคุณ เมื่อมีการกระตุ้น ก็จะย้อนแนวเส้นประสาทออกมาแสดงอาการได้อีก

การรักษา ถึงเวลาไปพบแพทย์หรือเภสัชกรได้แล้วครับ

โดยทั่วไปแล้ว โรคเริมนี้สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา การใช้ยาต้านไวรัสไม่ได้ช่วยให้หายขาด เพียงแต่ช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็นช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เว้นเสียแต่ในรายที่เพิ่งเริ่มแสดงอาการ หรือมีภูมิต้านทานบกพร่อง หรือไม่มีแนวโน้มที่แผลจะหายได้เอง จึงควรที่จะได้รับยาต้านไวรัสที่จำเพาะกับโรค ร่วมไปกับยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่อาจติดตามตุ่มน้ำที่แตกออกมา

1. ยาทาที่นิยมใช้ ได้แก่ Acyclovir จะได้ผลในด้านลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็วขึ้น ยาทาซึ่งมีส่วนผสมของ steroid ไม่ควรใช้เพราะแผลจะหายช้า

2. ยาชนิดรับประทาน ได้แก่ Acyclovir, Valacyclovir, Famciclovir นิยมใช้ในกรณีสำหรับผู้ที่มักจะกลับเป็นซ้ำได้บ่อย

อย่าวิตกจนเกินไป โรคเริมสามารถควบคุมและรักษาได้

สุขอนามัยที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเมื่อคุณผู้หญิงเริ่มมีอาการของโรคเริม การดูแลแผลเริมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และลดโอกาสการแพร่กระจายไปถึงผู้อื่น ลองมาฟังคำแนะนำเคล็ดลับน่ารู้ในการดูแลและควบคุมโรคเริมดีไหมครับ

* ความเครียด การทำงานหนักมากเกินไป นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานของร่างกายลดน้อยลง ทำให้ติดเชื้อไวรัสได้ง่ายขึ้น หรือถ้าเป็นโรคนี้อยู่แล้ว ก็จะมีอาการโรคแย่ลง ระยะเวลาเป็นโรคนานขึ้น หรือกลับมามีการกลับมาเป็นซ้ำได้บ่อยยิ่งขึ้น

* เชื้อไวรัสเริมชอบอากาศร้อนชื้นเหงื่อออกง่ายและเกลียดความแห้งสะอาด อย่าใช้สิ่งใดๆ ไปปิดหรือพันบริเวณแผลเริม ความแห้งและอากาศที่ถ่ายเทได้ดีจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น พยายามซับและดูแลแผลให้แห้งตลอดเวลา

* ถ้าตุ่มน้ำใสแตกออกมา ให้ทำความสะอาดแผลเริมด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดก็เพียงพอแล้ว

* อย่าแกะสะเก็ดแผลเริม ไม่ได้ช่วยให้หายเร็วขึ้นเลยครับ

* สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่คับแต่หลวมสบายอากาศถ่ายเทสะดวก การใส่ชุดชั้นในที่เป็นไนลอนจะทำให้อับชื้นง่าย ควรใช้เสื้อผ้าที่มาจากใยธรรมชาติก็จะโล่งโปร่งสบาย อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่นจะได้ไม่แพร่เชื้อต่อไป

* ถ้าปวดแผลให้ใช้ยาระงับปวดทั่วๆไป

* หากมีแผลบริเวณปากช่องคลอด จะปวดแสบแผลเวลาปัสสาวะได้ การนั่งแช่ก้นในน้ำอุ่นจะบรรเทาปวดแสบได้ผล

แหล่งข้อมูล

ศ.นพ. สมยศ จารุวิจิตรรัตนา, โรคเริม, นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ 27 ฉบับที่ 320 ธันวาคม 2548

นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ, เริม Herpes simplex, ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ

โรคเริม ภัยจากไวรัสที่กำราบได้, นิตยสาร Health Today


   joe_myung      4 ก.พ. 56   เวลา 21:42:00    IP = 27.254.3.30
 


  คำตอบที่ 11  
 
ผมว่าอย่าไปตึงมากกับกฎเกณ ชีวิตคนเราไม่ได้เล่นแต่กีต้าร์แค่อย่างเดียว
มันยังมีอีกหลายอย่าง หลายหน้าที่ และก็ไม่มีใครรู้ไปหมดทุกเรื่องครับ
ไหนๆ ก็มี community ก็เอาตรงนี้มาทำให้เกิดประโยชน์ครับ
บอกตามตรงว่า ผมไม่ชอบพิมท์อะไรเยอะ เพราะบ่อยไปที่ผมพิมท์
ไปแล้วดันลืมสลับภาษา แต่ก็คิดซะว่าคำตอบเอรอาจจะเป็นประโยชน์
กับคนอื่นๆ คิดแค่นี้ก็สบายใจแล้วครับ

   tnaw  4 ก.พ. 56   เวลา 21:45:00    IP = 110.171.84.145
 


  คำตอบที่ 12  
 
ผมบอกแล้ว ผมใช้ ประสบการณ์ตรงล้วนๆ ไม่ได้อ่านมาโม้

   hackprevent      4 ก.พ. 56   เวลา 22:18:00    IP = 124.121.2.142
 


  คำตอบที่ 13  
 
ผมว่าอย่าเสี่ยงเลยครับได้ไม่คุ้มเสีย อารมณ์ชั่ววูบ หาอย่างอื่นทำเลี่ยงไปดีกว่า ยิ่งถ้าพี่มีแฟนอยู่แล้ว ยิ่งไม่ควรเลยนะ รักเดียวใจเดียวดีกว่า
แต่ถ้าต้องการมาก ก็เข้าไปตามพรงหญ้าแบบตาจอน ชาวไร่ก็ได้ครับ แก้ขัด 5555

   iron maiden85      4 ก.พ. 56   เวลา 22:19:00    IP = 203.148.160.50
 


  คำตอบที่ 14  
 
ผมเป็นที่ปาก นานๆเป็นที เริ่มเป็นใหม่ๆจะคันๆ ต้องหายามาทากันไว้ก่อน ประมาณ 1 สัปดาห์หายครับ

   Mr_chain      5 ก.พ. 56   เวลา 8:41:00    IP = 101.51.51.234
 


  คำตอบที่ 15  
 
เริ่มบริเวณริมฝีปากไม่เกี่ยวกับโรคร้ายเสมอไปครับ ทุกคนมีสิทธิ์เป็นได้เหมือนกันถ้าภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีภาวะเครียด สามารถรักษาให้หายได้แต่ไม่หายขาด เจ้าของกระทู้เองถ้าเครียดมากๆหรือร่างกายอ่อนแอก็เป็นได้ครับ

เชิญอึ๊บได้ครับ

   Rabbit_Run      5 ก.พ. 56   เวลา 23:05:00    IP = 118.174.15.186
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket