|
 |
|
 |
|
รบกวนแนะนำซาวด์การ์ดสำหรับอัดกีต้าร์ไฟฟ้าลงคอมด้วยครับ (ดูหนังฟังเพลงเล่นเกมด้วยครับ) |
|
|
|
|
|
รบกวนแนะนำซาวด์การ์ดสำหรับอัดกีต้าร์ไฟฟ้าลงคอมด้วยครับ (ดูหนังฟังเพลงเล่นเกมด้วยครับ).
ช่วยแนะนำซาวด์การ์ดสำหรับอัดกีต้าร์ด้วยครับ
ผมเป็นมือสมัครเล่น จะทำเพลงเองเล่น ๆ ขำ ๆ ด้วยโปรแกรม cubase
ผมมีกีต้าร์ไฟฟ้า 1 ตัว กับ แอมป์ยี่ห้อ Line6 รุ่น Spider IV 15 ตอนแรกผมต่อ output จากแอมป์กีต้าร์ตรงเข้าออนบอร์ดครับ ปรากฎว่าเสียงเบา และบางมาก มีสัญญาณรบกวนด้วย
แนวทางการแก้ปัญหาเบื้องต้น ผมก็เลยไปถามเพื่อน เพื่อนก็แนะนำให้ใช้ซาวด์การ์ด (ผมแก้ปัญหาถูกไหมครับ) ก็เลยอยากรบกวนช่วยแนะนำรุ่น+ยี่ห้อซาวด์การ์ดให้นิดนึงครับ
ไม่จำเป็นต้องเป็น USB ได้ไหมครับ เพราะว่าผมจะใช้ซาวด์การ์ดเล่นเกมด้วย (เกี่ยวไหมครับ)
เนื่องจากผมไม่เคยใช้พวกซาวด์การ์ดแบบดี ๆ ผมเลยไม่รู้ว่ารุ่นไหน ยี่ห้อไหนเสียงเป็นอย่างไร ให้คุณภาพอย่างไร ก็เลยมาถามเนี่ยแหละครับ
สเป๊คเครื่องผม Intel i5 2500k 3.30 Gigabte p67a-ud3p WD 500 Gb SataIII AALX WD 1 TB SataIII Kingston yperx 4/1600(3x) (แรม 4 GB ครับ) Gigabyte Hd6870 1Gb ddr5 OC DVD RW asus sata 24x seasonic s1211 620 bronze haf 912 advanced
ลงวินโดวส์ 7 แบบ 64 บิท เห็น แรม 4 Gb
ถ้างบประมาณประมาณ 5000-8000 พอไหวไหมครับ (หรือถ้าราคาซัก 10,000 แพงว่ากงบที่ต้ั้งไว้แล้วเสียงมันดีกว่าจริง ๆ ก็ยอมจ่ายครับ)
ปล... ผมก็งง ๆ ครับ
ขอบคุณครับ
demenufacture
4 ธ.ค. 56
เวลา 1:07:00
พิมพ์
แจ้งลบ IP = 125.24.192.114
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
 |
มาถูกทางแล้วครับ แนะนำของ Avid MBox 3 Pro งบ 2x,xxx฿ ใช้ firewire ต้องบอกว่าเสียงดีที่สุดแบบ home use แล้วฮะ
sixth
4 ธ.ค. 56
เวลา 3:41:00 IP = 171.7.85.240
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 2
|
|
|
ที่หน้าซื้อขายตอนนี้มีคนเอามาปล่อยอยู่ ชาตินึงจะโผล่มาซักตัว ถ้ามีงบรีบคว้าเลยฮะ เชียร์ๆๆ
sixth
4 ธ.ค. 56
เวลา 3:43:00 IP = 171.7.85.240
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 3
|
|
|
ขอชมก่อนเลยว่า ขยันพิมพ์ดีมากครับ - - b
เมื่อท่านขยันพิมพ์ถาม ผมเลยต้องขยันพิมพ์ตอบ อิอิ
ศัพท์เทคนิคบางคำ หากมีคำไหนไม่เข้าใจ ศึกษาเพิ่มที่อากู๋(เกิ้ล) นะครับ
ด้วยความหวังดี อยากบอกท่านจขกท.ว่า ผมแยกตอบเป็นส่วนๆไว้ให้แล้ว
แต่ถ้าท่านขี้เกียจอ่าน อย่างน้อยที่สุดขอให้อ่านย่อหน้าสุดท้ายข้างล่าง
เพราะเป็นส่วนที่ผมแนะนำแบบสรุปย่อ แต่ถ้าขยันอ่านทั้งหมดก็มีประโยชน์จ้ะ
อ้อ เนื้อหาข้างล่างนี่ ผมก็อ่านๆจำๆ+ลองเองมั่ง ยังไงก็อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ
หากมีข้อมูลตรงไหนผิดพลาดก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ -/\-
ก่อนอื่นต้องบอกแบบนี้ก่อนครับว่า ซาวนด์การ์ด ก็เหมือนกับ การ์ดจอ ตรงที่ว่า
มันจะมีทั้งรุ่นที่ใช้ทั่วไปและใช้ทำงานเฉพาะด้าน เช่น การ์ดจอ Quadro Series
ที่ไว้ทำงานด้านกราฟิก ออกแบบ 3D ฯลฯโดยเฉพาะ ราคาก็หลักพันยันหลักแสน
แต่ถ้าเอามาใช้เล่นเกมภาพสวยสเป็คสูงๆ มันก็สู้การ์ดจอสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ
อย่าง Nvidia GTX Series / AMD HD Series ไม่ได้ (แต่เกมสเป็คต่ำพอได้)
เช่นเดียวกับการเอาการ์ดจอเล่นเกม ไปใช้งานออกแบบ งานกราฟฟิค 3D โหดๆ
มันก็ย่อมจะง่อยรับประทานเหมือนกัน ทั้งนี้เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อใช้งาน
คนละวัตถุประสงค์กัน พิมพ์น้ำท่วมทุ่งมายืดยาว - -a แค่จะบอกว่า........
ซาวนด์การ์ดก็หลักการเดียวกันครับ คือ มีทั้งแบบที่ใช้งานทั่วๆไป ดูหนัง ฟังเพลง
เล่นเกม และใช้สำหรับงานดนตรีโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายรุ่นจนนับไม่ถ้วน
ราคาก็หลักพันยันหลักแสนเหมือนกัน(บางรุ่นเฉียดล้าน) ลืมเรื่องราคาไปก่อน
ทีนี้กลับมาที่เรื่องของท่าน จขกท. ผมจะแนะนำไปทีละส่วนแล้วกันครับ - -a
รบกวนแนะนำซาวด์การ์ดสำหรับอัดกีต้าร์ไฟฟ้าลงคอมด้วยครับ (ดูหนังฟังเพลงเล่นเกมด้วยครับ).
- สำหรับการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ใช้แค่ soundcard on board ที่ติดมา
กับเมนบอร์ดของท่านก็พอแล้วครับ ผมลองเช็คสเป็คตัวเมนบอร์ดจากลิงค์ผู้ผลิต
http://th.gigabyte.com/products/product-page.aspx?pid=3649#sp
sound on board เป็นรุ่น Realtek ALC892 Codec ซึ่งรองรับทั้งระบบ HD
Audio / Dolby Hometheater / 2 / 4 / 5.1 / 7.1 Channel ขอคอนเฟิร์มว่า
เพียงพอกับการใช้งานทั่วไปแล้วครับ แต่ถ้าอยากได้อรรถรสแบบเต็มๆในอารมณ์
ซื้อหูฟังดีๆ หรือชุดเครื่องเสียงที่รองรับระบบดังกล่าวข้างบน อันนี้แล้วแต่ศรัทธา
ช่วยแนะนำซาวด์การ์ดสำหรับอัดกีต้าร์ด้วยครับ
- อยากบอกว่าถึงจะมีแค่ sound on board เปล่าๆ แม้จะไม่มีแอมป์แต่ก็ พอจะอัดกีต้าร์ได้นะครับ
แค่เหนื่อยหน่อย เพราะต้องอาศัย software ช่วยหลายตัว + ลองผิดลองถูกเอาเอง
เช่น หา ASIO4All หรือ KXDriver (ตัวนี้ไม่ค่อยอัพเดท) + VST Guitar
ที่บอกไว้แบบนี้คือในกรณีที่ยังไม่อยากลงทุนอะไร ตัวเลือกข้างบนก็น่าสนใจครับ
แต่ถ้าจะซื้อ soundcard เลยก็ดีครับ เพราะมันช่วยให้เราสะดวกขึ้นมาก
ทีนี้มาดูกันว่า soundcard แบบไหน ที่จะตอบโจทย์ท่านจขกทได้บ้าง
อย่างที่บอกว่า ในปัจจุบันมี soundcard ที่ใช้ทำงานด้านเสียงมากมายหลายรุ่น
แล้วแต่ละรุ่นต่างกันตรงไหน ตอบได้เลยง่ายๆ ราคาครับ (ตอบกวนชวนโดนตื้บ)
ผมจะขยายให้ว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ราคามันต่างกัน หลักๆก็มีกันดังนี้ครับ
1.ภาค Input / Ouput
soundcard บางรุ่นอาจมี 2 input สำหรับ ช่องไมค์ + อุปกรณ์อื่นๆเช่นกีต้าร์ เบส คีย์บอร์ด ฯลฯ เวลาอัดก็อัดไปทีละไลน์ ทีละแทร็ค ในขณะที่บางรุ่นอาจจะมี
input เกิน 10 ช่องขึ้นไป สำหรับอัดกลองชุด(กรณีใช้ไมค์จ่อหลายๆตัว) หรือ
ใช้อัดเครื่องดนตรีหลายๆแทร็คพร้อมกัน เหล่านี้เป็นต้น รวมทั้งภาค output
เช่นต่อหูฟังได้ 2 คู่ (คนมิกซ์ + นักร้อง) กรณีห้องอัดเสียงกับห้องคอนโทรล
อยู่ในห้องเดียวกัน บางรุ่นอาจมี output แค่ 4 ช่อง แบบนี้ก็ไม่สามารถรองรับ
ระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 / 7.1 อะไรก็ว่ากันไป ปัจจัยนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้
ราคาถูกแพงต่างกันออกไป soundcard serie เดียวกัน จากบริษัทเดียวกัน
รุ่นที่มี in / out เยอะๆ ก็จะแพงกว่า รุ่นที่มี in out น้อยๆ
2.ภาค A/D และ D/A Converter
A/D , D/A Converter อธิบายแบบง่ายๆคือ ตัวแปลงสัญญาน analog ไปเป็น
digital และ แปลง digital เป็น analog (ตอบได้น่าตบมากๆ โฮๆ V *0* V )
เนื่องจาก A/D และ D/A เป็นเรื่องทางเทคนิคที่มีรายละเอียดเยอะมากกกกกก
ดังนั้นขออนุญาติตัดจบ หากท่านต้องการศึกษาอย่างลึกซึ้ง เชิญถามอากู๋ต่อครับ
แต่เอาเป็นว่า soundcard แต่ละรุ่น มี ภาค A/D , D/A ที่มีคุณภาพแตกต่างกัน
ตัวที่คุณภาพสูงๆก็จะให้รายละเอียดเสียงครบถ้วน ชัดเจน ไม่หลอกลวงประชาชี
และนี่คือสาเหตุว่าทำไม soundcard บางตัวถึงมีราคาหลายหมื่นหลายแสน *0*
3.ภาค Controller
อันนี้อธิบายง่ายๆคือ การเชื่อมต่อระหว่างซาวนด์การ์ดกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น
การเชื่อมต่อกับ PC ถ้าเป็น soundcard แบบ Internal (อยู่ในเครื่อง) ก็เชื่อมต่อ
ด้วย Pci / Pci-E Slot แต่ถ้าเป็น แบบ External (แยกออกมาอยู่นอกเครื่อง)
ก็เชื่อมต่อผ่าน USB port หรือ Firewire port ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
อยากรู้รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อากู๋เช่นเดิม - -a
นอกจากนี้ soundcard บางรุ่นจะแถม midi port มาให้ เพื่อใช้พ่วงต่อกับ
Sound Module หรือ Midi Controller ต่างหาก
4.ภาค Mic Preamp
สำหรับ mic pre ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะสัญญานเสียงที่ได้จาก mic pre
ใน soundcard แต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกันออกไป หนาบ้าง ใสบ้าง ขุ่นบ้าง
อันนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบส่วนบุคคล เช่นเดียวกับเอฟเฟคกีต้าร์นั่นแล
Mic Preamp อธิบายแบบสั้นๆ คือ อุปกรณ์ที่ช่วยปรับ / เพิ่ม / ลด สัญญานเสียง
ทำให้การบันทึกเสียงมีความหลากหลายขึ้น อีกทั้งในตัว Mic Preamp
ยังมีระบบไฟเลี้ยง 48V ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในกรณีที่ต้องการใช้ไมค์ คอนเดนเซอร์
ทุกข้อข้างบนคือ ปัจจัยพื้นฐานของ soundcard ที่ใช้กับงานด้านเสียงโดยเฉพาะ
แต่ปัจจุบัน มีการพัฒนาsoundcardไปในอีกรูปแบบหนึ่ง (จริงๆก็มีนานแล้วล่ะ)
นั่นคือการสร้างอุปกรณ์อื่นๆ แล้วยัด soundcardไว้ในตัว โอ้ อะเมซิ่งจอร์จ *0*
เช่น มัลติเอฟเฟคของมือกีต้าร์อย่างเราๆ หลายๆรุ่นก็เป็น soundcard ในตัว
ทั้ง boss , line 6 , vox , zoom , digitech , และอีกมากมายหลายยี่ห้อ
แอมป์เล็กๆอย่าง Yamaha THR / Vox Jamvox ก็เป็น Soundcard ในตัว
หรือจะเป็นลูกผสม midi keyboard + soundcard อย่าง Line6 KB37 นี่ก็ใช่
แต่เท่าที่เคยลองหลายๆรุ่น ผมพบว่า soundcard เฉพาะทางสำหรับงานเสียง
จะมี ภาค A/D , D/A ที่ให้รายละเอียดเสียงได้ชัดเจน ครบถ้วนมากกว่า
soundcard ลูกผสม หรือ soundcard ในมัลติอย่างค่อนข้างเห็นได้ชัดครับ
แต่ใช่ว่า ภาค A/D , D/A ของมัลติจะห่วยนะครับ คือมันก็ทำเพลง ทำเดโมได้
ถ้าฝีมือดีๆ จะทำขายก็ไม่น่าเกลียด แต่ตอนมิกซ์อาจเหนื่อยนิดหน่อย - -
ถ้าขยันก็ไว้จะลองทำ A/B Test ให้ครับ พอดีตอนนี้มี soundcard อยู่ 2 - 3 ตัว
แล้วเราควรเลือกรุ่นไหนดีล่ะ ? ขอให้ดูตามปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ก่อนครับ
- ความต้องการใช้งาน จะใช้อัดอะไรบ้าง กีต้าร์ หรือ กีต้าร์+ร้อง ฯลฯ
แล้วอัดยังไง ทีละแทร็ค หรือ พร้อมกันหลายแทร็ค จะใช้อุปกรณ์ midi อะไรไหม
เน้นทำเพลง ซ้อมเล่นอยู่บ้านอย่างเดียว หรือ เน้นทำเพลง เล่นนอกสถานที่บ่อยๆ
ถ้าอย่างหลังแนะนำให้ซื้อ มัลติที่เป็น soundcard เผื่อเอาไปเล่นสดนอกบ้านได้
- งบ อันนี้ตามศรัทธา แต่ขอแค่ให้มั่นใจตัวเองว่า
เราซื้อเพราะศึกษาตัวอุปกรณ์ที่จะซื้อมาอย่างดีแล้ว มิได้ซื้อตามคำยุหรือซื้อตามแรงเชียร์จากคนอื่น
ผมเป็นมือสมัครเล่น จะทำเพลงเองเล่น ๆ ขำ ๆ ด้วยโปรแกรม cubase
- ประโยคนี้ผมไม่แน่ใจว่า ทำเพลงเล่นๆอยู่ก่อนแล้ว หรือว่า กำลังคิดจะลองทำดู
แต่ขอเดาว่าอย่างหลัง ถ้าไม่มีพื้นฐานเลย อย่าลืมอ่านคำแนะนำด้านล่างสุดนะครับ
ไม่จำเป็นต้องเป็น USB ได้ไหมครับ เพราะว่าผมจะใช้ซาวด์การ์ดเล่นเกมด้วย (เกี่ยวไหมครับ)
- ประโยคนี้ก็ตามที่อธิบายไว้ข้างบนนะครับ ถึงเวลาเราใช้ soundcard แยกกันก็ได้ เวลาทำเพลงใช้ soundcard ตัวนอก
เวลาใช้บันเทิงทั่วๆไปก็ใช้ soundcard on board หรือ ถ้าไม่อยากสลับไปมา
จะใช้ soundcard ทำเพลง และทำหน้าที่อื่นด้วยก็ได้ครับ ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อ
จะต่อแบบไหนก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะเราตั้งค่าเปิดปิดใน window ได้ตลอดครับ
ผมมีกีต้าร์ไฟฟ้า 1 ตัว กับ แอมป์ยี่ห้อ Line6 รุ่น Spider IV 15 ตอนแรกผมต่อ
output จากแอมป์กีต้าร์ตรงเข้าออนบอร์ดครับ ปรากฎว่าเสียงเบา และบางมาก
มีสัญญาณรบกวนด้วย
- เรื่องเสียงเบาก็เป็นธรรมดาครับ แต่เรื่องสัญญานรบกวนนี่อาจมาจากสาเหตุอื่น
มันมีปัจจัยหลายอย่าง ส่วนหนึ่งอาจจะเกี่ยวกับภาคจ่ายไฟในคอมด้วย
แนวทางการแก้ปัญหาเบื้องต้น ผมก็เลยไปถามเพื่อน เพื่อนก็แนะนำให้ใช้ซาวด์
การ์ด (ผมแก้ปัญหาถูกไหมครับ) ก็เลยอยากรบกวนช่วยแนะนำรุ่น+ยี่ห้อซาวด์
การ์ดให้นิดนึงครับ
ไม่จำเป็นต้องเป็น USB ได้ไหมครับ เพราะว่าผมจะใช้ซาวด์การ์ดเล่นเกมด้วย (เกี่ยวไหมครับ) <--- อันนี้ตอบไว้ข้างบนแล้วครับ
- มาถูกทางตามคต2 บอกเลยครับ แต่อยากแนะนำว่า ถ้ายังไม่มีพื้นฐานเลย
ขอให้ศึกษาเพิ่มเติมก่อน อย่าเพิ่งรีบซื้อของ
เนื่องจากผมไม่เคยใช้พวกซาวด์การ์ดแบบดี ๆ ผมเลยไม่รู้ว่ารุ่นไหน ยี่ห้อไหน
เสียงเป็นอย่างไร ให้คุณภาพอย่างไร ก็เลยมาถามเนี่ยแหละครับ
- เรื่องเสียงไปลองฟังที่ร้านเลยครับ ร้านขายอุปกรณ์ทางด้านนี้ในบ้านเรา
ส่วนใหญ่ใจดีทุกเจ้า บอกความต้องการของเราให้ชัดเจนบวกกับงบที่มีก็พอ
เดี๋ยวเขาก็จะแนะนำรุ่นที่เหมาะกับเราให้เอง ส่วนเรื่องคุณภาพก็เป็นไปตามกฎ กฎที่ว่าคือ คุณภาพมาพร้อมกับราคา สำหรับผม เรื่องอุปกรณ์ดนตรีหรือทำเพลง ถ้าซื้อมาแล้วมั่นใจว่าใช้ทำงานหาเงินต่อยอดได้ แพงแค่ไหนเดี๋ยวก็คืนทุนครับ
สเป๊คเครื่องผม Intel i5 2500k 3.30 Gigabte p67a-ud3p WD 500 Gb SataIII AALX WD 1 TB SataIII Kingston yperx 4/1600(3x) (แรม 4 GB ครับ) Gigabyte Hd6870 1Gb ddr5 OC DVD RW asus sata 24x seasonic s1211 620 bronze haf 912 advanced ลงวินโดวส์ 7 แบบ 64 บิท เห็น แรม 4 Gb
- สเป็คเครื่องตอนนี้ พอเพียงสำหรับการฝึกทำเพลงครับ (ต้องบอกว่าเหลือเฟือ - -)
แต่ถ้าคิดจะทำเพลงจริงๆจังๆ ไว้ค่อยมาแนะนำกันอีกทีครับ
ถ้างบประมาณประมาณ 5000-8000 พอไหวไหมครับ (หรือถ้าราคาซัก 10,000 แพงว่ากงบที่ต้ั้งไว้แล้วเสียงมันดีกว่าจริง ๆ ก็ยอมจ่ายครับ)
- น่าดีใจกับท่านจขกท.นะครับ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันปั๊ดตะนาไปไกล
ทำให้ทุกวันนี้ ไม่ต้องจ่ายถึง 10000 เราก็มี soundcard ของดีราคาถูก
ให้เลือกใช้เลือกเล่นอยู่หลายรุ่นเลยครับ ส่วนเรื่องแนะนำรุ่นไหน ยี่ห้อไหน
หลังไมค์มาคุยกันส่วนตัวดีกว่าครับ ในงบนี้มีรุ่นที่น่าสนใจอยู่หลายตัวจ้ะ
หรือถ้าหาซื้อสินค้ามือ 2 จากคนที่ไว้ใจได้ ก็จะช่วยให้ประหยัดได้อีกมากโขครับ
ใกล้จบแล้ว อ่านเหนื่อยไหมครับ อิอิ
ทั้งหมดที่พิมพ์มาน่าจะพอเป็นประโยชน์กับท่านจขกท.บ้าง ไม่มากก็น้อย
ผมสรุปให้อีกทีนะครับ
การจะเริ่มหัดทำเพลงบนคอม ท่านสามารถเริ่มต้นแบบไม่ต้องลงทุนอะไรเลยก็ได้
เพียงแค่ใช้ Sound on board ที่มีอยู่ + ASIO4ALL หรือ KXDriver มาช่วย
ที่เหลือ DAW ฟรี Vst ฟรี แบบถูกกฎหมาย ก็หาไม่ยาก ลองหากระทู้เก่าๆ
ที่ผมตอบๆไว้ช่วง 1 - 2 เดือนที่ผ่านมา ลองค้นๆดูครับ เดี๋ยวก็เจอ สุดท้ายจริงๆ
อยากฝากไว้ว่า ถ้ารู้สึกว่าตัวเองยังมือใหม่ พื้นฐานน้อย หรือยังไม่มีพื้นฐานเลย
อย่าเพิ่งรีบซื้อของแพงมาใช้ เพราะสุดท้ายแล้วการทำเพลงในคอมมันอาจไม่ใช่
สิ่งที่เราชอบก็ได้ เงินทองหายากครับ ประหยัดได้ไว้ก่อนเป็นดี ม่ายยังงั้น
เดี๋ยวปีใหม่ไม่มีเงินเที่ยวนะตัวเธอ เอิ๊กๆๆๆ *0*
ยังไงก็ขอให้ทำเพลงอย่างมีความสุขครับ โชคดีจ้ะ
ปล.ตรงไหนพิมพ์ผิด หรือมีเนื้อหาตกหล่นก็ขออภัยอีกรอบนะครับ
พอดีเบลอๆ ฉลองวันเกิดมา ยังไม่ได้นอน แหะๆ - -a
อ่อ สวัสดีคุณเจมส์สุดหล่อ เอา interface หน้านู้นมายั่วน้ำลาย พอให้หายง่วง
จะว่าไป ของพวกนี้นานๆทีจะหลุดมาบอร์ดนี้จริงๆนะ ให้ตายเถอะ robin -*-
Regnarts
4 ธ.ค. 56
เวลา 7:08:00 IP = 124.122.166.158
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 4
|
|
|
ท่าน Regnarts สุดยอดครับ สาระดีครับ ขอบคุณบทความดีๆครับ :-)
dekbaa
4 ธ.ค. 56
เวลา 7:26:00 IP = 37.228.105.226
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 5
|
|
|
แนะนำ focusrite scarlett 2i2 งบเหลือๆไว้เผื่อใช้งานอย่างอื่นอีก ASIO4ALL ไม่เวิร์คคับ ผมแนะนำให้ในระยะยาว การอัดเสียงไม่จำเป็น ต้องอัดทีละหลายๆแทร็ค ยิ่งทำสนุกๆอยู่บ้านแล้วด้วย ส่วนสเป็คคอมพ์ดีอยู่ แล้วคับเล่นเกมส์แก้เซ็งได้สบายๆซะด้วย จริงๆงบนี้เลือกได้หลายตัวนะ ที่แนะนำตัวนี้เพราะว่ามันราคาไม่แพงเกินไป คุณภาพก็ดีในระดับที่น่าพอใจ
inamatus 4 ธ.ค. 56
เวลา 8:46:00 IP = 124.121.14.10
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 6
|
|
|
 |
อยากตอบครับ แต่ไม่เคยใช้Cubase ...อิอิ แต่ที่ใช้ทำมาหากินอยู่คือโปรแกรม Logic pro
ใช้กับเครื่องMac ครับ ถ้าเพิ่งเริ่มหัดทำเพลงไม่ต้องลงทุนเยอะมากก็ได้ เอาพอใช้งาน
ได้ก็พอ เพราะต้องเผื่อใจไว้ถ้าวันนึ่งเกิดเบื่อหรือล้มเลิกความตั้งใจจะได้ไม่ขาดทุนมากครับ
gumsak
4 ธ.ค. 56
เวลา 11:56:00 IP = 203.144.198.242
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 7
|
|
|
Regnarts
..สวัสดีครับพี่ ข้อมูลแน่นปึ้กจริงๆ เป็นการตอบคำถามอธิบายและแนะนำที่สุดยอดและได้ประโยชน์มากๆ ถ้าผมเป็นจขกท.จะเซฟไว้อ่านทุกวันเลยครับ ^^
sixth
4 ธ.ค. 56
เวลา 14:02:00 IP = 171.7.56.212
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 8
|
|
|
โว้ว ท่าน Regnarts จัดเต็มเลยทีเดียว แต่ผมก็อ่านจนจบนะ ข้อมูลแน่นปึ้ก
ขอบคุณหลายๆ ครับ
MentalDisease
4 ธ.ค. 56
เวลา 22:09:00 IP = 171.7.211.135
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 9
|
|
|
โอววว ขอบคุณทุกท่านครับ
ท่าน Regnarts ข้อมูลสุดยอดมากครับ พิมพ์เยอะกว่าผมหลายเท่า
ขอบคุณอีกครั้งครับ
demenufacture 5 ธ.ค. 56
เวลา 1:39:00 IP = 125.24.212.156
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 10
|
|
|
ขอถามเพิ่มครับ
ซาวด์การ์ดแบบ USB ... เวลา audio mixdown มันจะประมวลผลมาที่ ซาวด์การ์ดที่เสียบอยู่ที่ พอร์ท usb เหรอครับ
demenufacture 5 ธ.ค. 56
เวลา 2:32:00 IP = 125.24.199.239
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 11
|
|
|
แบบนี้ ผมแค่อัดกีต้าร์แบบ Line in กับ อัดเสียงผ่านไมค์... สเป๊ค ของ ซาวด์การ์ดผมคง มีแค่ input 1 รู, output 1 รู ก็พอใช่ไหมครับ (หลัก ๆ คงอัดกีต้าร์ผ่าน Line in มากกว่า อัดผ่านไมค์ ครับ ... ถ้าต้องอัดผ่านไมค์คงถอดเข้าถอดออกสลับกันครับ)
ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ
demenufacture 5 ธ.ค. 56
เวลา 2:34:00 IP = 125.24.199.239
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 12
|
|
|
คำตอบที่ 10 Digital Signal Processing แปลว่าการประมวลผลสัญญาณดิจิตอล ครับ Audio DSP Chip ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็ประมาณว่า ชิพประมวลผลสัญญาณเสียงดิจิตอล ทำมาเพื่อให้ซาวด์การ์ดเป็นตัวประมวลปลั๊กอินแทน CPU ครับ แต่ว่า ปลั๊กอินนั้นต้องเขียนโค๊ดขึ้นมาเพื่อรันบน DSP ตัวนั้น ซึ่งถ้าจะนำปลั๊กอินตัวอินมารัน ที่ต้องจ่ายเพิ่มครับ มีหลักการง่ายๆคือ เหมือนเราซื้อการ์ดจอมาให้การ์ดจอประมวลผลเองครับ จะได้ไม่หนักคอมเรา (อ้างอิงจาก เวป ป๋าติ๊ดครับ)
By Analogman @ AL STUDIO
มันมี interface แบบมี dsp มีคนถามไว้ลองไปอ่านดู http://www.guitarthai.com/commusicboard/question.asp?QID=5644
sixth
5 ธ.ค. 56
เวลา 4:59:00 IP = 171.7.56.212
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 13
|
|
|
คำตอบที่ 11
รอคต. 13 มาตอบละกันครับ เอาเป็นว่าเราจะใช้อะไรบ้างก้ซื้อตามสเป็คที่จะใช้ดีกว่าฮะ
sixth
5 ธ.ค. 56
เวลา 5:06:00 IP = 171.7.56.212
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 14
|
|
|
พิมพ์ผิด รอคต. 15 ครับ
sixth
5 ธ.ค. 56
เวลา 5:06:00 IP = 171.7.56.212
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 15
|
|
|
ขอบคุณครับ
ผมเริ่มเข้าใจเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ
ถ้าแบบนี้ ผมขอสรุปความต้องการใหม่ (งง ๆ เล็กน้อย) ได้ดังนี้ครับ
งบ 5000-8000 บาท มีรูให้เสียบแจค อัดกีต้าร์ไฟฟ้าแบบ line-in และสลับถอดเข้า-ออกเพื่อ เสียบไมค์ (ขอแค่ 1 รูก็พอใจละครับ) เสียง input ที่เข้าไปในคอมเสียงดังกว่าออนบอร์ด เล่น cubase ร่วมกับพวก vst ได้ โดยไม่กระตุก หรือ หน่วง... แบบนี้ ช่วง playback ฟังนี่ ต้องประมวลผลผ่านซาวด์การ์ดหรือออนบอร์ดครับ ตอน export นี่ผมงงครับ ผมงงว่าควร export ผ่านซาวด์การ์ดหรือผ่านออนบอร์ดครับ
ปล...ผมถามงง ๆ หน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
demenufacture 5 ธ.ค. 56
เวลา 7:21:00 IP = 125.24.199.239
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 16
|
|
|
ตอบ ความเห็นที่ 15
ซื้อ Audio Interface (ซาวน์การ์ด) นอกหนึ่งอันเลยคับ ปัญหาทั้งหมดจะหมดไป ในทันที จากที่ไปถามพรรคพวกกันที่ทำงานพวกนี้อยู่เค้าแนะนำ FOCUSRITE รุ่น SAFFIRE PRO 14 Interface เป็น Firewire(IEEE1394) ตัวนี้จะดีกว่า ราคาก็จะเกินเงิบของท่านไปอีก 900 บาท แต่ตัวนี้ใช้แล้วจบใช้ได้ยาวๆไปเลย ไม่ต้องมาซื้อใหม่รอบสองอีก(ถ้ามันไม่เจ๊งซะก่อน)
แต่ถ้าอยากถูกหน่อยก็แนะนำ รุ่น Scarlett 2i2 ไป แต่เนื้อเสียงอาจจะสู้ตัวบน ไม่ได้ แนะนำไม่ควรใช้ On-Board เด็ดขาดคับ การใช้งานมันคนละแบบกัน กระตุกหน่วงบรรลัยเลยล่ะ ต่อให้ใช้ ASIO4ALL หรืออื่นๆมาใช้ก็กระตุกแน่นอน
ขอให้โชคดีในการเลือกนะคับ
inamatus 5 ธ.ค. 56
เวลา 12:09:00 IP = 110.168.20.44
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 17
|
|
|
ตามที่คุณเจมส์และคุณinamatus แนะนำมาเลยครับ
ผมเสริมให้อีกนิดหน่อย ( มั้ง - -a )
ซาวด์การ์ดแบบ USB ... เวลา audio mixdown มันจะประมวลผลมาที่ ซาวด์การ์ดที่เสียบอยู่ที่ พอร์ท usb เหรอครับ
- เราสามารถตั้งค่าใน DAW (โปรแกรมทำเพลง เช่น cubase sonar) ได้ครับ
ว่าจะใช้ soundcard ตัวไหน (on board หรือ ตัวอื่นๆ) ตรงนี้แนะนำว่า
เมื่อซื้อ soundcard มาแล้ว ติดตั้งไดร์เวอร์เสร็จเรียบร้อย เปิด DAW ขึ้นมา
ก็ไปตั้งค่าให้ใช้ driver ของ soundcard ตัวใหม่ที่ซื้อมา หลังจากนั้น
การประมวลผล การทำงานทุกอย่างจะผ่าน soundcard ตามที่ท่านเข้าใจครับ
แบบนี้ ผมแค่อัดกีต้าร์แบบ Line in กับ อัดเสียงผ่านไมค์... สเป๊ค ของ ซาวด์การ์ดผมคง มีแค่ input 1 รู, output 1 รู ก็พอใช่ไหมครับ (หลัก ๆ คงอัดกีต้าร์ผ่าน Line in มากกว่า อัดผ่านไมค์ ครับ ... ถ้าต้องอัดผ่านไมค์คงถอดเข้าถอดออกสลับกันครับ) ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ
- การอัดกีต้าร์ทำได้หลายแบบครับ เสียงที่ได้ก็ต่างกัน เท่าที่เคยเห็น แบ่งได้ประมาณนี้ครับ
กีต้าร์ --> comboแอมป์ --> ไมค์ --> ซาวนด์การ์ด (ใช้ไมค์ปรีในตัว) หรือ
กีต้าร์ --> stackแอมป์ --> คาบิเน็ต --> ไมค์ --> ซาวนด์การ์ด (ใช้ไมค์ปรีในตัว)
แบบนี้เสียงที่ได้จะเป็นธรรมชาติมาก แต่สถานที่ต้องอำนวย มีห้องเก็บเสียง เข้า/ออก
ไมค์ที่นำมาอัดจะต้องมีคุณภาพ สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี เสียงที่ได้จึงจะออกมาเต็มๆ
สภาพห้องต้องมีความเหมาะสมในการอัดเสียง (อันนี้ว่ากันยาว) เก็บเสียงจากภายในได้มิดชิด
ไม่งั้นเล่นๆอยู่เพื่อนบ้านอาจเดินมามอบคำอวยพรให้บรรพบุรุษ หรือถ้าห้องไม่เก็บเสียงจากภายนอก
ซาวนด์กีต้าร์อันแสบดากของท่านอาจพ่วงมาด้วยเสียงหมาเห่า นกร้อง หรือ แม้เเต่รถพ่อค้าขายเงาะ
กีต้าร์ --> ปรีแอมป์ (เช่น มัลติเอฟเฟค) --> ซาวนด์การ์ด (ใช้ไมค์ปรีในตัว)
อันนี้คืออัดแบบต่อตรงเข้า soundcard ในกรณีที่เราไม่มีแอมป์ ไม่มีไมค์ แบบนี้ก็สะดวกดี
คุณภาพเสียงที่ได้หลักๆก็ขึ้นอยู่กับ มัลติเอฟเฟคที่นำมาใช้ ยิ่งถ้าเป็น แร็คมัลติขั้นเทพ
อย่าง AXE FX คุณภาพเสียงที่ได้ก็จะอลังการงานสร้างมั่กๆ ถามคนที่ใช้อยู่แถวนี้ได้ หุหุ
กีต้าร์ --> VST --> DAW --> ซาวนด์การ์ด
อันนี้อัดผ่านปลั๊กอิน กรณีที่เราไม่มีทั้งเอฟเฟค แอมป์ ไมค์ ไม่มีอะไรเลย (ฟังดูรันทดฝุดๆ T-T)
เสียงที่ได้จะดีไหม ก็ขึ้นอยู่กับ VST ที่นำมาใช้ + การปรับแต่งของเราเอง วิธีนี้อาจเหนื่อยหน่อย
แต่ก็ประหยัดดีครับ เดี๋ยวนี้ VST guitar เสียงดีๆมีเยอะ
หรืออาจประยุกต์ออกไปได้อีก โดยการนำรูปแบบการอัดมาผสมกันเช่น
กีต้าร์ --> ปรีแอมป์ --> คาบิเน็ต --> ไมค์ --> ไมค์ปรี(แบบแยก) --> ซาวนด์การ์ด (โดยไม่ใช้ไมค์ปรีในตัว)
อันนี้คือต่อพ่วงกับอุปกรณ์แยกต่างหากเช่น กรณีที่เราไม่ชอบเสียงไมค์ปรีในตัวซาวนด์การ์ด
เราก็หาซื้อไมค์ปรีที่มีเสียงแบบที่เราชอบ (เปลืองตังค์) มาต่อแยกไปต่างหาก แบบนี้เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มอุปกรณ์อย่างอื่นเช่น DI Box เพื่อปรับเปลี่ยนสัญญานเสียง ทำให้เสียงมีคุณภาพมากขึ้น
จาระไนไม่หมด -*- ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ ท่านจขกท.ครับผม ว่าต้องการคุณภาพในการอัดอยู่ในระดับใด
ในกรณีที่ท่าน จขกท. มีแอมป์อยู่แล้ว หากอยากลองอัดก็หาไมค์ซักตัวนึง มาอัดแบบวิธีแรกก็ได้ครับ
แต่ถ้าจะใช้แอมป์ต่อตรงเข้าซาวนด์การ์ดเลย อันนี้ไม่แน่ใจว่าทำได้รึเปล่า เพราะผมไม่มีแอมป์ไว้ลอง
สภาพห้องไม่อำนวยเอามากๆ -*- ทุกวันนี้ผมใช้การอัดเสียงกีต้าร์ ผ่านมัลติ หรือ ผ่าน VST ครับ
งบ 5000-8000 บาท
- อย่างที่ผมเคยพิมพ์ครับ ในงบประมาณนี้ มีตัวเลือกค่อนข้างมากครับ
แต่ 4 ปัจจัยพื้นฐาน ทั้ง micpre , a/d d/a , controller , In / Out
อาจจะแตกต่างกันไม่มากครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบเสียงของมันหรือไม่
จึงอยากแนะนำให้ไปลองเอง เพราะท่านอาจถูกใจ ตัว 5000 มากกว่า 8000 ก็ได้
รุ่นที่คุณ inamatus คต 5 แนะนำก็ดีครับ ตอบโจทย์ท่าน จขกท ได้แน่นอน
ตัว mic preamp ของแบรนด์นี้ก็ไว้ใจได้ ผมเองก็ใช้แบรนด์นี้อยู่ (แต่เป็นรุ่นอื่น)
แต่ยังไงก็หาโอกาสไปลองรุ่นอื่นด้วยก็จะดีกับตัวท่านเองครับ
มีรูให้เสียบแจค อัดกีต้าร์ไฟฟ้าแบบ line-in และสลับถอดเข้า-ออกเพื่อ เสียบไมค์ (ขอแค่ 1 รูก็พอใจละครับ)
- เท่าที่เห็นมา soundcard ในงบประมาณนี้ ส่วนใหญ่เป็น 2 inputอยู่แล้ว (ไมค์+เครื่องดนตรีอื่นๆ)
อย่างไรซะ มี input เผื่อไว้อีก 1 ก็ดี เวลาอัดเสียง ถ้าต้องมาสลับสายไปๆมาๆ ไม่ค่อยสนุกหรอกครับ
อีกอย่าง ถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ เดี๋ยวหลวมนะเออ (ห้ามคิดลึก) อิอิ ล้อเล่นครับ จริงๆเป็นห่วงแค่
เวลาดึงเข้าดึงออก ถ้าไม่ระวัง เดี๋ยวหัวแจ็คมันไปหักคารู คราวนี้ล่ะ งานงอก ต้องมาเหนื่อยดึงออกอีก -*-
เสียง input ที่เข้าไปในคอมเสียงดังกว่าออนบอร์ด เล่น cubase ร่วมกับพวก vst ได้ โดยไม่กระตุก หรือ หน่วง... แบบนี้ ช่วง playback ฟังนี่ ต้องประมวลผลผ่านซาวด์การ์ดหรือออนบอร์ดครับ ตอน export นี่ผมงงครับ ผมงงว่าควร export ผ่านซาวด์การ์ดหรือผ่านออนบอร์ดครับ
- ตามที่พิมพ์ไว้ข้างต้นครับ ในงบ 5000 - 8000 ทุกตัวตอบโจทย์ได้แน่นอน
เสียง input ดังขึ้นแน่ๆ
ใช้ cubase + vst โดยไม่กระตุกหรือหน่วง อันนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
ทั่ง PC / Soundcard / VST ที่จะใช้ ฯลฯ แต่ไม่ต้องห่วงครับ จากสเป็คคอม
กับ soundcard ที่ท่านจะซื้อ น่าจะสามารถใช้ vst ได้อย่างไม่กระตุกหรือหน่วง
แต่ถ้ามันหน่วง ก็ไปปรับค่า buffer เพื่อลดค่า latency (2คำนี้ ศึกษาเพิ่มได้ที่ กูเกิ้ล)
ทั้งนี้ต้องดูว่าท่านจะใช้ vst ตัวไหนบ้าง เพราะ vst บางตัวก็กินแรงเครื่องอยู่พอสมควร
ส่วนเรื่อง playback / export / import หรืออะไรก็ตาม หากเป็นเรื่องของการทำงาน
ขอให้ set ทุกอย่าง ให้ทำงานผ่าน soundcard ตัวเดียวไปเลย จะสะดวกกว่าครับ
เราจะได้ไม่สับสนเองด้วย
ปล...ผมถามงง ๆ หน่อยนะครับ
- ผมก็ตอบไปแบบมึนๆประมาณนี้แหละครับ พิมพ์ยาวไปหน่อย ขออภัย -/\-
แต่น่าจะช่วยให้ท่านมองเห็นภาพมากขึ้นครับผม
ปล. สวัสดีจขกท. และทุกๆท่าน สุขสันต์วันพ่อครับ -/\-
Regnarts
5 ธ.ค. 56
เวลา 13:23:00 IP = 58.11.244.20
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 18
|
|
|
ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกท่านเลยครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย คุณ Regnarts ตอบละเอียดมากเลยครับ
ขออนุญาตถามต่ออีกนิดครับ (ผมถามอีกแล้วครับ 555)
การที่ผ่าน usb2 (ในงบของผมเดาว่าน่าจะ usb2 ใช่ไหมครับ ...ถ้าเอาตามสเป็คคำตอบที่ 5) มันจะมีผลในการคำนวนไหมครับ (ผมเข้าใจว่าถ้าผ่าน usb มันจะคำนวนช้ากว่า เสียบผ่านเมนบอร์ด ผมเข้าใจถูกไหมครับ) ... แต่เอาเข้าจริงเวลาผมทำใน cubase ผมคงไม่มีหลายแทร็คส์หรอกครับ Vst คงเปิดแค่ กลอง กับ เบส หรือ อาจจะใส่พวกเสียงอื่นเพิ่มเข้าไปอีก 2-3 Vst ... ถ้า usb ไม่มีผลกระทบทำให้หน่วงอะไรมาก usb ก็ได้ครับผม ^^
แล้วแบบซาวด์การ์ดแบบ Usb ... ผมเอามาใช้ร่วมกับ การเล่นเกม, ดูหนัง, ฟังเพลง, ฯลฯ จะได้ไหมครับ หรือว่า ผ่านออนบอร์ดก็เหลือเฟือแล้ว ...ไม่จำเป็นต้องมาผ่านซาวด์การ์ด Usb ครับ
จริง ๆ ผมมี ไมค์ปรีแบบหลอด ALTO รุ่น Mini Tube อยู่ครับ เคยซื้อมาเมื่อ 7 ปีก่อน แล้วก็มีเหตุให้เลิกใช้ไป ก็เอาไปเก็บไว้ ... นี่ผมว่าจะไปขุดออกมาใช้ ... แต่ตอนนี้ผมยังหาไม่เจอ ว่าผมเก็บไว้ตรงไหน ...ถ้าหาเจอแล้วเอามาใช้ร่วมด้วย มันจะช่วยอะไรได้มากไหมครับ หรือว่าไม่จำเป็นแล้วครับ
ขอบคุณครับ
demenufacture 5 ธ.ค. 56
เวลา 16:29:00 IP = 125.24.199.239
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 19
|
|
|
ขออนุญาตถามต่ออีกนิดครับ (ผมถามอีกแล้วครับ 555)
การที่ผ่าน usb2 (ในงบของผมเดาว่าน่าจะ usb2 ใช่ไหมครับ ...ถ้าเอาตามสเป็คคำตอบที่ 5) มันจะมีผลในการคำนวนไหมครับ (ผมเข้าใจว่าถ้าผ่าน usb มันจะคำนวนช้ากว่า เสียบผ่านเมนบอร์ด ผมเข้าใจถูกไหมครับ) ... แต่เอาเข้าจริงเวลาผมทำใน cubase ผมคงไม่มีหลายแทร็คส์หรอกครับ Vst คงเปิดแค่ กลอง กับ เบส หรือ อาจจะใส่พวกเสียงอื่นเพิ่มเข้าไปอีก 2-3 Vst ... ถ้า usb ไม่มีผลกระทบทำให้หน่วงอะไรมาก usb ก็ได้ครับผม ^^
- usb / firewire / Pci-e มีผลแตกต่างกันครับ แต่คอนเฟิร์มว่าแบบ usb พอเพียงกับการใช้งานของท่านแล้วครับ
แล้วแบบซาวด์การ์ดแบบ Usb ... ผมเอามาใช้ร่วมกับ การเล่นเกม, ดูหนัง, ฟังเพลง, ฯลฯ จะได้ไหมครับ หรือว่า ผ่านออนบอร์ดก็เหลือเฟือแล้ว ...ไม่จำเป็นต้องมาผ่านซาวด์การ์ด Usb ครับ
- เอามาใช้ร่วมกันได้ครับ แค่ไปตั้งค่าในวินโดว์ ให้ซาวนด์การ์ดที่ซื้อมาเป็นตัว default
ทีนี้ทุกเสียงในคอมก็จะออกผ่านซาวนด์การ์ด (แต่ต้องเอาลำโพงไปเสียบกับซาวนด์การ์ดแทนช่องออนบอร์ดนะครับ)
ที่สำคัญ อย่าเช็คสายแจ็คลำโพงก่อนนะครับ ว่าเป็นหัวแจ็คเล็ก 3.5 แบบหูฟังทั่วไป
หรือเป็นแจ็ค 1/4 ที่มีขนาดเท่าแจ็คกีต้าร์ ถ้าหากลำโพงของท่านเป็นหัวเล็ก
ซึ่งผมเดาว่าเป็นแบบนั้น (เนื่องจาก sound on board ทั่วไป ไม่ค่อยมี รู 1/4)
ในกรณีที่ลำโพงของท่านใช้หัวแจ็คเล็ก ต้องไปหาซื้อหัวแปลงจาก 3.5 เป็น 1/4 ตัวละ 20 - 50 บาท มั้งครับ - -a
ส่วนที่ผมแนะนำให้ใช้ออนบอร์ดสำหรับการดูหนังฟังเพลงนั้น
เพื่อยืดอายุการใช้งานของซาวนด์การ์ด และช่วยประหยัดไฟเฉยๆครับ
แต่จะเปิดใช้ตลอดก็ได้ครับ แล้วแต่ศรัทธา อิอิ
จริง ๆ ผมมี ไมค์ปรีแบบหลอด ALTO รุ่น Mini Tube อยู่ครับ เคยซื้อมาเมื่อ 7 ปีก่อน แล้วก็มีเหตุให้เลิกใช้ไป ก็เอาไปเก็บไว้ ... นี่ผมว่าจะไปขุดออกมาใช้ ... แต่ตอนนี้ผมยังหาไม่เจอ ว่าผมเก็บไว้ตรงไหน ...ถ้าหาเจอแล้วเอามาใช้ร่วมด้วย มันจะช่วยอะไรได้มากไหมครับ หรือว่าไม่จำเป็นแล้วครับ
- alto mini tube เป็นได้ทั้ง Mic Preamp + DI box แบบที่ผมอธิบายใน คตที่แล้วครับ
ถ้าอยากลองเอามาใช้กับซาวนด์การ์ดก็ได้ครับ แค่ต่อให้ถูกช่องก็พอ
เพราะการใช้งานทั้งสองแบบมีวิธีการต่อโดยจะเรียงลำดับต่างกัน
ส่วนเรียงยังไง ไว้หาเจอแล้วค่อยมาตั้งกระทู้ถามใหม่ละกันครับ อธิบายไปจะยิ่งยืดยาว
ส่วนเรื่องเสียงที่ได้ อันนี้ไม่ทราบครับ เพราะผมไม่เคยใช้ไมค์ปรีรุ่นนี้ - -
แต่ไมค์ปรีที่ติดมากับซาวนด์การ์ด(ในงบดังกล่าว) มันดีพอสำหรับการใช้งานแล้วครับ
ลืมบอก... หลังจากนี้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง com music รบกวนตั้งกระทู้
ที่หน้าคอมมิวสิคก็จะดีครับ หน้านั้นมีพี่ๆหลายคนที่มีประสบการณ์มากกว่าผมเยอะเลย
ท่านจขกท น่าจะได้รับข้อมูลที่ละเอียดชัดเจนกว่าของผมครับ
Regnarts
5 ธ.ค. 56
เวลา 18:29:00 IP = 58.11.244.20
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 20
|
|
|
ขอบคุณอีกครั้งครับผม
หลังจากอ่าน และทำความเข้าใจ (แบบเข้าใจบ้าง งงบ้าง ฮาาา ^^" ) ... ผมรู้สึกว่าปัญหาใหญ่ของผมคือ ผมไม่ทราบว่า อะไรคือพอดี อะไรเกินความจำเป็น สำหรับมือสมัครเล่นอย่างผมครับ
ที่ผมไปเจอในเว็บก็มี ตัวที่เข้าข่ายตามนี้ครับ
- TASCAM : US322 ราคา 7200 บาท << รุ่นนี้ทางร้านแนะนำมาครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเกินความจำเป็นไปหรือเปล่าครับ - Focusrite : Scarlett 2i2 USB 2.0 ราคา 5400 บาท << รุ่นนี้ท่าน คำตอบที่ 5 แนะนำครับ
ขออนุญาตถามอีกรอบครับ ในเงื่อนไขของผม มีซาวด์การ์ดตัวไหนแนะนำอีกไหมครับ
และ ผมควรต้องซื้ออะไร (เบื้องต้น) เพิ่มอีกไหมครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ : )
ปล... ผมไม่ได้เข้าบอร์ดกีต้าร์ไทยนานมากเลยครับ หลายปีเลย ผมเลยไม่ทราบเลยว่าเดี๋ยวนี้แบ่งหมวดด้วยครับ ขออนุญาตแก้ตัว กระทู้หน้านะครับ ^^"
demenufacture 5 ธ.ค. 56
เวลา 21:56:00 IP = 125.24.199.239
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 21
|
|
|
กระทู้นี้ยืดมาก 0-_-0
ผมรู้สึกว่าปัญหาใหญ่ของผมคือ ผมไม่ทราบว่า อะไรคือพอดี อะไรเกินความจำเป็น สำหรับมือสมัครเล่นอย่างผมครับ
- ควรหาความต้องการของตนเองให้ชัดเจนก่อนครับ ว่าจะซื้อซาวนด์การ์ดมาทำอะไรบ้าง
ผมจำได้ว่าท่านจขกท ต้องการอัดกีต้าร์ + ทำเพลงเล่นๆขำๆ
ตรงนี้เป็นเรื่องดีครับ เพราะอย่างน้อยเรายังพอมีวัตถุประสงค์ในการซื้อ
แต่ถ้าหากระบุได้ชัดเจนมากขึ้นจะทำให้เรารู้ว่า อะไรพอดี อะไรเกิน
ตรงที่ว่าเอามาอัดกีต้าร์นั้นโอเคอยู่ แต่ตรงทำเพลงเล่นๆขำๆนี่ ผมนึกภาพไม่ออก เลยไม่รู้จะแนะนำยังไงดี
บางคนทำเพลงเล่นๆเป็นงานอดิเรกแต่ใช้อุปกรณ์ราคาเป็นแสนๆก็มี
เพราะถึงจะทำเป็นงานอดิเรกขำๆ แต่หากเขาต้องการการบันทึกเสียงที่มีคุณภาพ การลงทุนตรงนี้ก็ไม่แปลก
บางคนทำเพลงเล่นๆเป็นเดโมเสนอค่ายเพลง เพื่อเข้าสังกัดเป็นศิลปิน เป็นนักแต่งเพลง
บางคนทำเพลงเล่นสนุกๆ เพื่อคลายเครียดจากการทำงาน (หรือทำให้เครียดกว่าเดิม - -a)
บางคนทำเพลงเล่นๆ เพราะอยากเรียนรู้เรื่อง computer music อะไรประมาณนี้
เพราะคำว่าเล่นๆขำๆของแต่ละคนไม่เท่ากัน อุปกรณ์ที่ใช้ก็เลยแตกต่างกันไป
ประเด็นที่จะสื่อคือคำว่า ทำเพลง มันกว้างครับ ลองใช้คำถามเหล่านี้กำหนดสโคปสิ่งที่เราต้องการก่อนครับ เช่น
- ทำเพลงเพื่ออะไร
เพื่อเรียนรู้และพัฒนาทักษะสำหรับนำไปประกอบอาชีพจริงๆจังในอนาคต
เพื่อคลายเครียดเป็นงานอดิเรก หรือเสนอค่ายเพราะต้องการเป็นศิลปิน หรือนักแต่งเพลง ฯลฯ เป็นต้น
ถ้าทำเพลงเพื่อคลายเครียด อาจไม่ต้องซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียงมากนัก อันนี้ขึ้นอยู่กับความอยากของเราล้วนๆ อิอิ
หรือถ้าเสนอค่ายเพื่อเป็นศิลปิน หรือ นักแต่งเพลง สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ
น่าจะเป็นเรื่องการร้อง การถ่ายทอดอารมณ์ ผ่านเนื้อเพลง และทำนองที่แต่งมาอย่างปราณีตมากกว่า
หรือในกรณีเป็นการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเป็นทักษะประกอบอาชีพ อันนี้จะเป็นอีกเรื่องนึงเลย ว่ากันอีกยาวววว
เพราะ การทำเพลงมีหลายขั้นตอน ทั้ง compose / tracking / edit / mix / mastering etc.......
ถ้าสนใจแค่การแต่งทำนอง เขียนเนื้อ หรือการบันทึกเสียง อุปกรณ์หลักๆที่ใช้ก็มีแค่
จินตนาการ +ไมค์ + เครื่องดนตรี หรือ vst + soundcard แต่ถ้าสนใจเรื่องการ mix การ mastering ด้วย
แบบนี้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ช่วยพัฒนาระบบการฟังเช่น หูฟัง หรือ ลำโพงมอนิเตอร์
เพื่อช่วยให้เราสามารถได้ยินในทุกๆรายละเอียดเสียง ได้ชัดเจน ทำให้ mix ง่ายขึ้น
หากตั้งใจจะเรียนรู้เรื่องการทำเพลงให้ครบทุกขั้นตอน ตัว soundcard เอง
ควรจะเป็นรุ่นที่สามารถต่อยอดการเรียนรู้ของเราได้ครับ
- ทำเพลงแนวไหน ลูกทุ่ง ร๊อค ป๊อบ แจ็ส แดนซ์ คลาสสิค ฯลฯ อะไรก็ว่าไป
เพราะเพลงแต่ละแนวก็มีวิธีบันทึกเสียงแตกต่างกันเช่น เพลงร๊อค เมทัล ฯลฯ
เน้นความดิบ สดของเครื่องดนตรี ดังนั้นส่วนใหญ่จึงใช้วิธีอัดผ่านเครื่องดนตรีสด
ในขณะที่เพลงแดนซ์หรือ hip hop เน้นซาวนด์สังเคราะห์ ก็อาจใช้ VST synth ช่วยได้
หรือถ้าสนใจเรื่องการทำเพลงประกอบละคร ภาพยนต์ หรือเกม
อันนี้คงต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับการบันทึกเสียงแบบรอบทิศทาง
แน่นอนว่า ระบบ output ของซาวนด์การ์ดควรจะต้องรองรับระบบเสียงรอบทิศทางเช่นกัน (4.1 / 5.1 / 6.1 / 7.1 ฯลฯ)
- ทำเพลงอย่างไร ใช้เครื่องดนตรีอัดสดทีละแทร็ก หรือ ใช้ vst เขียน midi เอา
กรณีอัดเครื่องดนตรีสดๆ ได้อธิบายไว้ในคตเก่าๆแล้ว ส่วนเรื่องการใช้ vst เขียน midi ก็ขึ้นอยู่กับความถนัด
บางคนถนัดเขียนด้วยเมาส์ ก็คลิกๆลากๆไป บางคนถนัด midi keyboard หรือ midi controller ก็จิ้มๆกดๆกันไป
ในแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบส่วนตัวครับ
- ระดับคุณภาพงานที่ต้องการ เดโม / ซิงเกิ้ล / อัลบั้ม
เดโม ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเดโม (กวนมาก -*-) คุณภาพของเดโมที่เราต้องการ
ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาเดโมไปทำอะไร ฟังเองเพราะเองคนเดียว หรือ แจกเพื่อน
หรือเสนอค่าย ฯลฯ ทำเดโมอาจจะไม่ต้อง mix ก็ได้ เพียงแต่อัดมาดีๆชัดๆหน่อย
พอให้คนฟังไม่ต้องบ่นว่า '' นักร้องมุดไปร้องในโอ่งรึไงวะ ทำไมเสียงก้องจัง ? ''
หรือ '' นี่ทำเพลงให้มนุษย์ฟังหรือเปล่า เสียงค่อยจังเลย ? '' แล้วก็ไม่ต้องดังมาก
ครั้งนึงผมเคยโดนน้องๆแซวว่า '' เสียงจะดังไปไหน พี่เน้นกลุ่มคนฟังที่มีปัญหากับระบบประสาทการได้ยินเหรอ ? '' -*-
ซิงเกิ้ล / อัลบั้ม ก็เช่นเดียวกับเดโม คือต้องดูว่า เราเอาไปทำอะไร ทำขายหรือเปล่า หรือทำแจกฟรีการกุศล
ถ้าทำขายเป็นเรื่องเป็นราว ก็ไม่ควรดูถูกผู้บริโภค พยายามปราณีตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ compose มาเลย
การทำซิงเกิ้ลหรืออัลบั้ม แตกต่างกันนิดเดียวตรงที่การทำอัลบั้มเต็มๆ ควรผ่านขั้นตอน mastering เพื่อให้เพลงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เนื้อหาข้างต้นน่าจะพอช่วยให้ท่านมีแนวทางชัดเจนในการทำเพลงมากขึ้นครับ
ขออนุญาตถามอีกรอบครับ ในเงื่อนไขของผม มีซาวด์การ์ดตัวไหนแนะนำอีกไหมครับ
- อย่างที่บอกว่าท่านจขกท.ระบุความต้องการใช้งานมากว้างไปนิด เลยไม่รู้จะแนะนำตัวไหนดี
ถ้ายังไงเอาไว้ทราบความต้องการชัดเจนแล้วลองมาตั้งกระทู้ถามใหม่นะครับ
ส่วน 2 ตัวเลือกของท่าน ผมเลือก Focusrite ครับ เงินที่จ่ายกับสิ่งที่ได้ ค่อนข้างสมเหตุสมผลมากๆ
และ ผมควรต้องซื้ออะไร (เบื้องต้น) เพิ่มอีกไหมครับ
- มีแอมป์อยู่แล้ว ผมแนะนำให้ซื้อไมค์ครับ ถ้าให้ดีควรเป็นไมค์สารพัดประโยชน์
คือสามารถเป็นได้ทั้งไมค์อัดร้องและไมค์สำหรับจ่อตู้แอมป์เพื่ออัดกีต้าร์
เรื่องไมค์สารพัดประโยชน์ราคาประหยัด ผมไม่ค่อยมีข้อมูลครับ ปกติใช้แต่ไมค์ร้องอย่างเดียว
แต่ไมค์ไดนามิค รุ่นพิมพ์นิยมอย่างไมค์ shure sm58 ก็สารพัดประโยชน์อยู่ครับ
เคยเห็นห้องอัดบางที่เอาไปใช้อัดกีต้าร์ โดยถอดฝาครอบออกแล้วจ่อแอมป์อัดสด
หรือไมค์คอนเดนเซอร์อย่าง audio technica at 2020 ตัวนี้ก็ฮิตในบ้านเรา
เท่าที่เห็นส่วนใหญ่เขาใช้อัดร้อง + กีต้าร์โปร่ง เสียงที่ได้ก็คุ้มราคาครับ
แต่เอาไปต่อแอมป์อัดกีต้าร์ไฟฟ้านี่ ไม่เคยเห็นครับผม - -a
เอาล่ะครับ อ่านจบแล้ว ท่านจขกท.คงทราบความต้องการตัวเองชัดขึ้นอีกหน่อย
สุดท้ายนี้เป็นคำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องอุปกรณ์ครับ ในกรณีที่มีงบจำกัด
1.ถ้าหากท่านรู้สึกว่ามีพื้นฐานด้านนี้น้อยไป หรือยังไม่แน่ใจว่าจะจริงจังหรือไม่
ผมแนะนำให้ซื้ออุปกรณ์รุ่นประหยัดที่เป็นรุ่นพิมพ์นิยมทั้งหลาย หากวันหนึ่ง
เกิดไม่ชอบหรือคิดจะเลิกเล่น จะขายได้ง่ายกว่าและไม่เข้าเนื้อมากนัก
ส่วนอุปกรณ์พิมพ์นิยมราคาประหยัดมีรุ่นใดบ้าง ลองหาข้อมูลเพิ่มจากกูเกิ้ลดูครับ
บ้านเรามีอยู่ไม่กี่ตัวหรอก หรือจะไปพิมพ์ถามที่หน้าคอมมิวสิคก็ได้ น่าจะมีพี่ๆท่านอื่นมาตอบเยอะ
2. การซื้อ soundcard ขอให้ซื้อโดยดูจากความต้องการใช้งาน ณ ปัจจุบันเป็นหลัก ไม่ต้องซื้อเผื่ออนาคต
เช่นถ้าวันนี้ต้องการ อัดเสียงร้อง+กีต้าร์โปร่ง ก็ซื้อมันแค่ 2 input
ไม่ต้องคิดว่าซื้อ input ไปเยอะๆ เผื่ออยากจะอัดกลองสดในอนาคต - -a
เอาไว้วันหน้าที่มีห้องอัดแล้ว มีกลองแล้ว พร้อมที่จะอัดค่อยซื้อก็ยังไม่สาย
กว่าจะถึงวันนั้นของก็ราคาตกรุ่น กลายเป็นซื้อได้ในราคาถูกอีกตะหาก
ซื้อเท่าที่จะใช้งาน แล้วใช้ให้คุ้มที่สุด ใช้ไปจนกว่ามันจะตอบโจทย์การทำงานของเราไม่ได้แล้ว ค่อยเปลี่ยน
เก็บเงินที่เหลือในปัจจุบันไว้ซื้อของที่มีคุณภาพดีกว่าในอนาคตก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ แค่ 2 ข้อก็พอแล้วครับ แต่ !!! ถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหาของท่านเลย
แนะนำว่า อยากลองตัวไหนอะไรยังไง ซื้อมาลองโลดครับ ลองให้รู้ ใครมาถาม
เราจะได้ตอบเต็มปากอย่างภาคภูมิใจว่า '' ซื้อเลย จะได้พลาดเหมือนผม 555 T0T ''
สุดท้ายจริงๆฝากไว้แค่นี้ครับ
จินตนาการ + ความรู้ + ประสบการณ์ + ทักษะ = เพลงที่มีคุณภาพ
ณ จุดที่เราสามารถสร้างงานเพลงที่มีคุณภาพได้แล้ว ถึงตอนนั้น เราจะพบว่า
อุปกรณ์ดีๆเป็นแค่สิ่งที่ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข และสะดวกมากขึ้น
...แค่นั้นเอง
โชคดีครับ
Regnarts
6 ธ.ค. 56
เวลา 4:53:00 IP = 58.11.244.20
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 22
|
|
|
โอววว ท่าน Regnarts มาตอบตอนตี 5 แถมตอบละเอียดมาก ผมซึ้งในน้ำใจมาก ๆ เลยครับ T T
คือยังไงดีครับ เรื่องมันย๊าวยาวววว ...แต่เห็นท่าน Regnarts พิมพ์ยาวกว่าผมเลยขอพิมพ์ยาวววบ้างครับ (ฮาาาา)
ผมเคยทำเพลงเล่นเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วครับ ทำเป็นงานอดิเรกสนองกิเลสตัวเอง กะว่าถ้ามันโอเคก็อาจจะจริงจังไปเลย (เผื่อฟลุ๊ค)
ตอนนั้นเป็นจังหวะที่เรียนต่ออยู่ครับ ไม่ได้ทำงาน สถานะจนครับไม่มีเงินมากพอมาลงอุปกรณ์ (ฮาาาา) ...จริง ๆ ผมตัดสินใจผิดพลาดครับ จริง ๆ ควรจะทำงานด้วย (แต่ก็ผ่านตอนนั้นมาแล้ว ย้อนไปแก้ไม่ได้แล้ว)
ตอนนั้น ทำด้วย Cubase2 กับ Vst ต่าง ๆ สมัยนั้น Ram 512 Cpu Pentium4 ส่วนใหญ่ผมก็ทำได้แค่ เรียบเรียงดนตรีรวมเมโลดี้ด้วย ทุกแทร็ค ผ่าน Vst
จำได้ว่าตอนนั้น กลองใช้ Additive Drums, เบสใช้ ไตรโลกีย์ อิอิ (Trilogy), เครื่องสายและอื่น ๆ ใช้ Orderol Orchestra, กีต้าร์ใช้ Real Guitar, แล้วก็มี korg, ที่ใช้เป็นหลัก ๆ ...ทำด้วยซอฟท์แวร์หมดเลย ไม่มีอะไรที่เป็นอัดสดจริง ๆ เลย ...อาศัยอ่านเอาในเว็บ patid ก็มีพี่ใจดีช่วยตอบเยอะเลย
ตอนนั้น...ด้วยที่เครื่องสเป๊คต่ำก็เลยต้องทำด้วย midi ทั้งหมดแล้ว เปิด-ปิด Vst ทีละ 1-2 ตัว ... แล้วทยอย Export เป็น .wav เอา ไม่งั้นเครื่องลากไม่ไหว latency ก็ปรับมากก็ไม่ได้ ลากไม่ไหวครับ T T (อิจฉายุคนี้)
ก็เลยให้เพื่อนอีกคนที่มีอุปกรณ์ที่ดีกว่าครบกว่า (แต่อุปกรณ์ก็ไม่ได้ดีมากนะครับแต่ดีกว่าผมแน่ ๆ หละ อย่างน้อยเค้ามีซาวด์การ์ด audigy ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) และมีความสามารถในการอัด และมิกซ์มากกว่าผม ช่วยทำในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเค้าก็แจมในการเรียบเรียงด้วยบ้าง (เพื่อนเก่งด้วยแหละครับ ...เก่งในมุมมองผมนะ )
จนเพลงเสร็จออกมาโอเคระดับหนึ่ง ตอนนั้นทำได้หลายเพลงอยู่ครับ เป็นแนวร๊อค ๆ เนี่ยแหละครับ ตอนนั้นใส่สองกระเดื่องเยอะเลย (ตอนนั้นยังไม่ฮิตติดตลาดเหมือนสมัยนี้ )
เหมือนจะทางสะดวกไม่มีปัญหาใด ๆ ... ตอนนั้นผมก็ซื้อ shure sm58 กับ pre ยี่ห้อ alto มาเตรียมอัดเสียงร้อง (เงินเก็บก้อนสุดท้ายเลย)
กะว่าอัดเสียงร้องเสร็จ...จบ สำเร็จ
แต่แล้วก็มาสะดุดตรง ... นักร้องไปเมืองนอก แล้วไม่กลับไทย T T (ก็ไม่ว่ากันครับ เพราะว่าอนาคตทุกคนมีสิทธิ์เลือก) ประจวบเหมาะกับผมถึงเวลาที่ผมต้องไปทำงานประจำด้วย (งานไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีหรอกครับ) ก็เลย จบไว้ตรงนั้นดื้อ ๆ แหละครับ ... แล้วเพลงที่ทำเสร็จแล้วก็กลายเป็นอดีต
ผ่านไป 7 ปี จู่ ๆ ผมก็มีอารมณ์อยากทำเพลงใหม่หนะครับ เสียงเพลงในจินตนาการลอยแล่นเข้าหัวมาบ่อย ๆ แล้วผมไม่อยากให้มันหายไป
แต่พอขุดไฟล์เก่า ๆ ขึ้นมาพบว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปหมดแล้วครับทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ซึ่งผมมีแต่ข้อมูลเก่า ๆ แล้วก็ลืมไปหมดแล้วครับ บางอย่างก็ไม่ซัพพอร์ท ... ก็เลยมาโพสต์ถามเนี่ยแหละครับ
ตอบท่าน Regnarts นะครับ ผมอยากได้คุณภาพขั้นต่ำตามลิ๊งค์นี้แค่นี้ก็พอใจละครับ http://www.myspace.com/demenufacture อันนี้คือเพลงส่วนหนึ่งที่เคยทำไว้ (ที่เล่าไปตอนต้นครับ)
demenufacture 6 ธ.ค. 56
เวลา 7:27:00 IP = 125.24.199.239
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 23
|
|
|
ฟังเพลงใน myspace เเล้วครับ มีพื้นฐานทำเพลงอยู่แล้ว สบายเลย
ยิ่งตอนนี้ทำงานแล้วด้วย เรื่องทุนทรัพย์คงไม่ค่อยน่าห่วง (รึเปล่า - -a)
ดูแล้วท่านจขกท. น่าจะออกแนวทำเพลงเป็นงานอดิเรกเพลินๆมากกว่า
ดังนั้น เรื่องอุปกรณ์ที่จะใช้ ผมเห็นว่าใน 2 ตัวเลือกก็ตอบโจทย์อยู่แล้วครับ
เห็นว่าเน้นใช้ VST เขียน midi ถ้าให้เดาน่าจะจิ้มๆกดๆผ่านคีย์บอร์ดหรือเปล่าครับ
ถ้าแบบนั้นหา midi keyboard แบบ usb ถูกๆซักตัว น่าจะช่วยให้ทำเพลงได้สะดวกขึ้นเยอะ
แต่ในส่วนนี้ถ้ามีคีย์บอร์ดเดิมอยู่แล้ว หรือ ถนัดเขียน midi ด้วยเมาส์ก็ไม่ต้องซื้อครับ
อย่างใน cubase เดี๋ยวนี้มี virtual keyboard ติดมาให้ จะใช้ก็กดแป้นพิมพ์ในคอม อัด midi ได้เลย
แต่จะเหนื่อยเรื่องการแก้ค่า velocity ให้เพลงมันมีไดนามิก มีความหนักเบา
ที่เหลือก็แค่เรื่อง DAW หรือ VST ที่จะใช้ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบครับ
สุดท้ายนี้หวังว่าที่ผมโม้ๆมาทั้งหมด -*- น่าจะช่วยให้ท่าน จขกท. คลายข้อสงสัยไปได้เยอะทีเดียว
ที่เหลือท่านคงต้องหาเวลาไปลองเองที่ร้านแล้วนะครับ ขอให้ได้อุปกรณ์ที่ถูกใจ
และเนื่องจากกระทู้ตกไปหน้าอื่นเเล้ว ผมคงไม่เข้ามาตอบอีก ดังนั้น หลังจากนี้หากมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม
รบกวนตั้งกระทู้ใหม่ที่หน้าคอมมิวสิคนะครับ บุญรักษาจ้ะ ไชโย โห่ฮิ้ววว \ -0- /
Regnarts
6 ธ.ค. 56
เวลา 10:57:00 IP = 171.96.12.24
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 24
|
|
|
ขอบคุณท่าน Regnarts อีกครั้งครับ : )
เรื่องแต่งเพลงยังไม่ลืมครับ แต่ว่าเรื่องทางเทคนิคด้านซอฟท์แวร์อาจจะเริ่มลืม ๆ แล้วหละครับ คิดว่าถ้าคำสั่งมันไม่เปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อนมากเกินไป ... ผมน่าจะคลำ ๆ มั่ว ๆ ได้เบื้องต้นครับ ...ส่วนด้านฮาร์ดแวร์นี่ผมไม่มีความรู้เลยครับ \*0*/
เรื่องทุนทรัพย์ที่จะเอามาลงกับอุปกรณ์ก็อยากจ่ายเพื่อใช้เท่าที่จำเป็นหนะครับ เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตผมจะมีเหตุให้ต้องเลิกทำเพลงอีกครั้งหรือเปล่า ตอนนี้เลยตั้งเป้าแค่เป็นงานอดิเรกในยามว่างครับผม (สนองกิเลสตัวเอง ^^" )
ตอนทำเพลงสมัยก่อนใช้วิธีเขียน midi แล้ว output ผ่าน VST ครับ ใช้เม้าส์ลากเอาที่ละโน้ตครับ แหะ ๆ Velocity ก็แก้ไขทีละโน้ตเหมือนกันคับ ^^;
ขอขอบคุณอีกครั้งครับ
demenufacture 6 ธ.ค. 56
เวลา 19:54:00 IP = 125.24.199.239
|
|
|
 |
|
 |
|