(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  แอมป์ 1 W กับแอมป์ 100 W เสียงดังต่างกัน 100 เท่า หรือไม่ ?  
 
มีบทความมาฝากครับผม เขียนไว้ใน website www.siamluthiers.net สักพักนึงแล้วครับผม วันนี้นำมาแชร์กันครับผม หวังว่าจะเป้นประโยชน์ครับ




แอมป์ 1 WATT กับแอมป์ 100 W เสียงดังต่างกัน 100 เท่า หรือไม่ ?

Thursday 6th February 2014

แอมป์ 1 Watt กับแอมป์ 100 W เสียงดังต่างกัน 100 เท่า หรือไม่ ?

แอมป์ Watt มากหรือ Watt น้อยดีกว่ากัน?



หลายๆท่านคงเคยได้ยินคำถามหรือมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้นะครับ วันนี้เรามาหาคำตอบกันครับ

แอมป์ 1 Watt กับแอมป์ 100 W เสียงดังต่างกัน 100 เท่า หรือไม่ ?

เรื่องนี้คงต้องเริ่มจากทฤษฏีก่อนครับผม ตัวของลำโพงจะมีค่าอยู่ค่าหนึ่งที่เราเรียกกันว่าค่าความไวของลำโพง(sensitivity) มีหน่วยเป็น dB/w @ 1m. หรือแปลให้เป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆว่า ลำโพงตัวนี้จะให้ความดังกี่ dB เมื่อเราใส่พลังงานเข้าไป 1 W โดยที่เราอยู่ห่างจากตัวลำโพง 1 เมตร

ทีนี้ลองมาดูค่านี้โดยทั่วๆไปของตู้ลำโพงแอมป์กีต้าร์จะอยู่ระหว่าง 95-105 dB/w @ 1m นั่นหมายถึง ถ้าเราใส่พลังงานเข้าไป 1 W และเรานั่งห่างจากลำโพง 1 เมตร เราจะได้ยินเสียงดัง 95-105 dB



ทีนี้ลองมาดูตารางเปรียบเทียบความดังสมัยที่เราเรียนกันตอนเด็กๆครับ

เครื่องบิน 130 เดซิเบลเอ

เสียงเจาะถนน 120 เดซิเบลเอ

โรงงานผลิตอลูมิเนียม 100-120 เดซิเบลเอ

วงดนตรีร็อค 108-114 เดซิเบลเอ

งานค็อกเทลที่มีแขกประมาณ 100 คน 100 เดซิเบลเอ

รถสามล้อเครื่อง 92 เดซิเบลเอ

รถบรรทุกสิบล้อ 96 เดซิเบลเอ

รถยนต์ 85 เดซิเบลเอ

รถจักรยานยนต์ 88 เดซิเบลเอ

เสียงคนพูดโดยทั่วไป 50 เดซิเบลเอ



จากตารางจะเห็นว่า ความดังระดับ 105 dB นั้นใกล้เคียงกับคอนเสริตวงดนตรี Rock !!!

ถูกต้องแล้วครับมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่คำถามต่อไปคือ งั้นจะซื้อทำไมละครับ แอมป์ 100W แค่ 1W ก็ดังเท่ากลางงานคอนเสริตดนตรี Rock แล้ว





ร่ายยาวมาเข้าคำถามสักทีครับผม หน่วย dB มีค่าเป็น Log scale ครับ ไม่ได้เป็น Linear Scale หมายความว่า ค่าต่างกัน 100 เท่าไม่ได้แปลว่าเสียงดังต่างกัน 100 เท่าครับ โดยทั่วไปความดังที่ดังเพิ่มขึ้นทุก 3 dB จะต้องใช้ Watt เพิ่มขึ้น 2 เท่าตามตาราง

Ex. ที่ความไวลำโพง 100 dB/W @ 1 m

Watt dB

1 100

2 103

4 106

8 109

16 111

32 114

64 117

118 120



จากตารางจะเห็นได้ว่าหากเราต้องการระดับเสียง เพิ่มขึ้นจากเดิม 20 dB ซึ่งถ้าเทียบเป็นระดับความดัง จะรู้สึกว่าดังกว่าเกือบๆ 4 เท่าครับ เราต้องเพิ่มกำลังเข้าไปถึง 120 เท่าเลยทีเดียวครับผม

สรุปครับผม แอมป์ 1 W กับ 100 W ความดังสูงสุดจะดังกว่ากันประมาณเกือบๆ 4 เท่า เท่านั้นครับ ไม่ใช่ 100 เท่า



คำถามต่อมาคือ เสียงดังระดับ Rock Concert ก็ดังมากอยู่แล้ว ไม่อยากได้ความดังมากกว่านั้น ใช้ 1 w ก็พอแล้วใช่มั้ย?

คำตอบคือใช่ครับ แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องนั่งเล่นหน้าตู้เป็นระยะห่าง 1 เมตรตลอดไม่ขยับไปไหน คุณจะได้เสียงดังระดับนั้นแน่นอนครับ แต่ถ้าคุณนั่งถอยห่างออกมา เพิ่มจากเดิม ยกตัวอย่างเช่น จากเดิมได้ยิน 100db ที่ระยะ 1 m ถ้าคุณถอยห่างออกมาเป็น 2 m. คุณจะได้ยินเสียงดังประมาณ 97 db ถ้าคุณถอยห่างออกมาเป็น 3 m. คุณจะได้ยินเสียงดังประมาณ 90 db ครับผม



นอกจากนั้นแล้วในเรื่องของความถี่ก็มีผลครับ หูคนเราจะไวต่อความถี่เสียงช่วง 1k-5k มากครับ ตัวอย่างเช่นถ้าเราต้องการให้เสียงความถี่ 20 hz ดังเท่ากับเสียงของความถี่ 1k-5k ที่ 80db เราต้องเปิดเสียงความถี่ 20hz ดังประมาณ 120db นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าแอมป์เบสจะต้องมี Watt ที่มากกว่าแอมป์กีต้าร์ เพื่อให้ความดังใกล้เคียงกัน



แอมป์ Watt มากหรือ Watt น้อยดีกว่ากัน?

จากเหตุลผลข้างต้น มาถึงตรงนี้ก็คงตอบได้ว่าแล้วแต่สถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ครับ กีต้าร์เป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงที่มีย่านเสียงกลางเป็นส่วนมาก ไม่จำเป็นต้องเผื่อ watt เพื่อไปใช้ขับดันเสียงต่ำมากสักเท่าไหร่ หากใช้ในบ้านเลือก watt น้อยๆก็เพียงพอสำหรับการใช้งานแบบสบายๆแล้วครับ แต่ถ้าออกเวทีใหญ่ต้องการให้เสียงจากแอมป์ Cover เวที หรือจำเป็นต้องดังแข่งกับเครื่องดนตรีอื่นๆ แอมป์ขนาดใหญ่จะช่วยในเรื่องนี้ครับ



อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของเสียงครับ แอมป์กีต้าร์หลอดโดยเฉพาะแอมป์ประเภทเสียงแตก จะให้เสียงอิ่มและมีน้ำหนักที่ดีเมื่อถูกเปิดใกล้เคียงขีดจำกัดความดังของมันครับ เนื่องจากจะเป็นจุดที่หลอด Power เริ่ม overdrive ซึ่งเป็นที่มาของเสียงกีต้าร์ในตำนานทั้งหลายครับ หากเราซ้อมในบ้านใช้แอมป์ขนาดใหญ่ เราไม่มีทางที่จะเปิดได้ถึงความดังสูงสุดของมันแน่นอนครับ



นอกจากนั้นยังเป็นเรื่อง Maintenance ด้วยครับโดยเฉพาะแอมป์ประเภทหลอด เนื่องจากหลอดมีอายุการใช้งาน การเปลี่ยนหลอดจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหลอดแอมป์ 100 w นั้นเฉลี่ย ตกประมาณ 5,000 บาทต่อครั้ง ในขณะที่แอมป์ 5 w โดยเฉลี่ยแล้ว ตกไม่ถึง 1000 บาทต่อครั้ง หากเผาหลอดทิ้งไปโดยไม่ได้ใช้งานมันให้คุ้มค่าเต็มประสิทธ์ภาพก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายครับ


yokkab      21 ก.พ. 57   เวลา 9:17:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 171.98.132.72
 


  คำตอบที่ 1  
 
แจ๋วครับ ขอบคุณสำหรับ ความรู้ใหม่

   นาด      21 ก.พ. 57   เวลา 10:16:00    IP = 110.168.234.115
 


  คำตอบที่ 2  
 
ขอบคุณมากคับสำหรับความรุ้ คุ้น ๆ เรื่อง db เคยเรียนสมัย ม ปลาย แต่คืนครูไปหมดแล้ว 5 5

   cpharsit      21 ก.พ. 57   เวลา 10:56:00    IP = 61.7.147.32
 


  คำตอบที่ 3  
 
ดีครับ นำบทความมาเผยแพร่เพื่อจะได้ให้ความรู้สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบ
หรือพอทราบมาบ้าง จะได้เติมเต็ม
แต่อยากเสริมนิดนึง เพราะบทความที่กล่าวมานั้น พูดถึงแต่ปริมาณหรือความดังเท่านั้น
แต่ไม่ได้พูดถึงคุณภาพของเสียง
มันมีข้อสังเกตนิดนึงคือ amp ที่ให้กำลัง watt สูงนั้น จะออกแบบมาเผื่อความผิดพลาดเอาไว้แล้ว
เช่น amp 1 watt นั่งห่าง 1 เมตร จะได้ยินเสียงดังเท่านี้
แต่ amp 100 watts นั้งห่าง 3 เมตร เปิดให้ได้ยินที่เสียงดังเท่า amp 1 watt
สิ่งที่ได้คือ คุณจะได้ยินเสียง distortion จาก amp 1 watt เพราะมันทำงานสุดกำลังของมัน
แต่กับ amp 100 watts คุณจะไม่ได้ยินเสียง distortion เพราะกำลังขับสำลองยังมีอยู่เหลือเฟือ
แล้วคุณยังได้ความรู้สึกของแรงปะทะเข้ามาที่หน้าอกของคุณแถมมาด้วย โดยที่ amp 1 watt
จะไม่มีให้ออกมา
มันเหมือนความรู้สึกตอนที่เราฟังเพลงโดยใช้หูฟังกับฟังจากลำโพงโดยตรงซึ่งจะแตกต่างกัน
ราวนี้ไม่ใช่เรื่องของเสียง แต่เป็นเรื่องความรู้สึกแล้วครับ


   tnaw  21 ก.พ. 57   เวลา 11:11:00    IP = 110.171.84.145
 


  คำตอบที่ 4  
 
ขอบคุณครับผม

   anan-58      21 ก.พ. 57   เวลา 11:28:00    IP = 125.24.9.243
 


  คำตอบที่ 5  
 
like

   witi1980      21 ก.พ. 57   เวลา 11:35:00    IP = 203.92.218.136
 


  คำตอบที่ 6  
 
ขอเสริมครับ
ทฤษฎีที่ท่านบอกมาใช้ไม่ได้กับ ตู้แอมป์หลอดนะครับ
ยกตัวอย่าง เช่น ตัวแอมป์ Leney CUB8 ขนาด 5 w และ marshall class 5 ขนาด 5w เช่นกัน
และจากเสียงของทั้ง 2 รุ่น marshall class 5 มีความดังกว่าชัดเจนมากๆครับ

ปล.ผมเคยทดลองเอาทั้ง 2 รุ่นมาเปิดเทียบกันแล้วครับ


   สมาชิกแบบพิเศษ      tkromeo      21 ก.พ. 57   เวลา 11:58:00    IP = 110.168.183.85
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 7  
 
marshall class 5

   สมาชิกแบบพิเศษ      tkromeo      21 ก.พ. 57   เวลา 11:59:00    IP = 110.168.183.85
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 8  
 
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ

   gunkan9  21 ก.พ. 57   เวลา 12:54:00    IP = 203.154.149.228
 


  คำตอบที่ 9  
 
ขอบคุณครับ .......



   สมาชิกแบบพิเศษ      ผักหวาน      21 ก.พ. 57   เวลา 13:15:00    IP = 101.108.210.107
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 10  
 
เยี่ยมครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      mawmeaw99      21 ก.พ. 57   เวลา 13:54:00    IP = 171.4.203.77
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
เยี่ยมมม

   แบงค์วงมะลิ      21 ก.พ. 57   เวลา 14:57:00    IP = 202.29.51.2
 


  คำตอบที่ 12  
 
แปะ เดี๋ยวกลับมาอ่าน อิอิ

   lop519      21 ก.พ. 57   เวลา 16:05:00    IP = 14.207.25.28
 


  คำตอบที่ 13  
 
ขออนุญาติ เสริมข้อมูลให้ครับ พอดีส่วนตัวเคยทำresearch เมื่อตอนจบปี 4 ให้กับรัฐวิสาหกิจที่นึง
พอมีความรู้หลงเหลือนิโหน่ยยย อาจจะพอเป็นความรู้ได้ครับ จากสูตรแรกเลย คือการคิดกำลังเสียงจากต้นกำเนิดเสียงที่วัดออกมาเป็นWatt มีสูตรง่ายๆว่า L=10logW+120 เวลาเขียนกราๆ มันจะเป็นลักษณะของกราฟLog ครับ ที่ความถี่แต่ละช่องเวลาครบจำนวนเท่ามันจะไม่เท่ากัน
ซึ่ง ลองถอดค่าLog ฐาน10ตามได้เลยครับ คือ การถอดค่าLog มันจะเอาเลขกำลังมาอย่างเดียวครับ เช่น Log1 จะได้ 0, log10 เพิ่มขึ้น10เท่า log10มีค่าท่ากับ1และlog100=2ตามลำดับ แปลว่า ถ้าคำนวนแบบไม่คิดFactor เรื่องของLostอะไรเลยนะครับทั้งMajor lossและMinor loss ลำโพง 1 Watt ตามทฤษฏี จะให้SPLสูงสุดที่ 120dB( เพราะlog1เท่ากับ0เลยได้120+0) ได้ลำโพง100Watt จะได้=140dB(10log100 = 20) ซึ่งจะเห็นได้ว่า เพิ่มขึ้น 100เท่า เสียงเพิ่มมา20dB ถามว่า ในทฤษฏีผิดหรือไร ที่คำนวนได้มันน้อยกว่า ในตัวอย่าง คือ มันเป็นเรื่องของLoss ครับ อีกอย่าง ในสมการนี้ เป็นสมการที่เขาคำนวนที่Adeal ครับคือ สภาวะพร้อมมาก ไม่มีอะไรมาทำให้เสียงมันหายไปไม่ว่ากรณีใดๆ เอาลึกกว่านี้ คือ สมการเหล่านี้ เขาคิดที่ความถี่รวมเวลาเกิดเสียงนึงออกมา(ทุกweight) แต่ที่หูมนุษย์ได้ยิน มีเพียงAweight ซึ่งมีหน่วยว่าdBA ครับ ความถี่ที่ 20-20000dBA ซึ่ง ความถี่อื่นๆ จะไม่มารวมด้วย อีกอย่างนะครับ ในreseach ผมพบว่า บางครัั้ง ทุกๆอย่างจะมีความถี่ธรรมชาติ(Hz) ซึ่งจริงๆเสียงที่เราได้ยินนั้น มันไม่ใช่เสียงที่ออกมาความถีี่เดียวครับ ถ้าสังเกตจากในกราฟFFT(fast fourier transform) มีนจะแจกแจงความถี่ออกมา(มันก็ไอ้กราฟEQนั่นแหละ) ซึ่ง ถ้าความถี่มันตรงกับความถี่ธรรมชาติ แล้วมันเกิดResonance แบบเสริมกัน มันจะดัีงขึ้นครับ แต่ถ้ามันหักล้างกัน มันจะเบาลงอีก ซึ่ง มันจะมีเกร็ดอีกเยอะครับ ซึ่ง ผมกำลังจะเลิกงานกลับบ้านแล้ว ถ้ากลับมาอ่าน ถ้ามีคนสนใจ เดี๋ยวจะลงให้อีกครับผม

อ้อ ถ้ามีคนสงสัยว่า ถ้าเปิด100Watt 2ตัวเปิด120dBเท่ากัน เสียงจะดัง2เท่าเป็น240 dBมั้ย คำตอบคือ ไม่เลยครับ มันเพียงแค่ เอาค่าwattมา+กันก่อนเข้าสมการLog ครับ ซึ่ง ถ้าจำไม่ผิดมันจะดังขึ้นเพียง1-2dBเท่านั้น(เอ หรือ10dBนี่แหละ) ถ้าจำไม่ผิดอีกเรื่องนึงคือ มันจะมันจะมีอีกว่า ถ้าลำโพงเปิดต่างกันที่เกิน 10dB มันจะไม่บวกเพิ่มกันเลยครับหมายถึง ถ้าตัวนึงเปิด 100 dBแต่อีกตัวเปิด87dB เสียงที่วัดได้จะเป็น100dB ไม่เพิ่มขึ้นครับ ส่วนที่ทำไมวัดต้องวัดที่1 M เป็นมาจรฐานการวัดทั่วโลกครับANSI รึเปล่าจำไม่ได้ คือให้Sound level meter ชี้แบบตั้งฉากกับแหล่งกำเนิดเสียงเลยก็คือเอาหัวProbeขี้เข้าไปที่แหล่งกำเนิดเสียง นอกจากเราจะทำContour ครับ ทำแผนผังความเข้มเสียง สำหรับ หาว่าเสียงที่ออกไปถึงชุมชนมันดังเกินกฏหมายมั้ย สมัยผมทำresearchนี่ โรยตัวจากหอแยกก๊าซลงมาหาท่อเลยครับ 5555

ไปแระ ถ้ามีข้อมูลตรงไหนผิดพลาด ขออภัยครับ ไม่ได้ใช้มานาน ลืมๆไปเยอะ
หวังว่าจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครับผม

   สมาชิกแบบพิเศษ      Ibanezrg      21 ก.พ. 57   เวลา 17:06:00    IP = 118.175.88.234
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 14  
 
สุดยอดครับ

   pompammmmm      21 ก.พ. 57   เวลา 19:38:00    IP = 125.25.123.161

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 15  
 
สุๆๆๆๆๆสุดยอด!!!!




ก๊อบใส่ Notepad ณ บัดนาว...

   MentalDisease      21 ก.พ. 57   เวลา 21:37:00    IP = 171.6.134.50
 


  คำตอบที่ 16  
 
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเสริมครับผม

เรียนท่าน tnaw ถูกต้องครับผม บทความนี้ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องคุณภาพเสียงครับ กล่าวถึงแต่ปริมาณความดังของเสียงอย่างเดียวครับ

เรียนท่าน tkromeo ถ้ามีโอกาสทดสอบอีกครั้งหนึ่งอยากรบกวนให้ทดสอบลองต่อสายลำโพงสลับกันครับผม หมายถึงเอา output ของ laney ไปต่อดอก marshall ครับ แล้วลองดูผลครับ ผมคิดว่าความดังที่ต่างกันเกิดจากความไวของลำโพง Laney ไวน้อยกว่าของ Marshall ครับผม

เรียนท่าน Ibanezrg สุดยอดครับผม แน่นมากๆครับ


   yokkab      21 ก.พ. 57   เวลา 22:34:00    IP = 171.98.132.72
 


  คำตอบที่ 17  
 
ขอมาเสริมอีกนิสสสนึงครับผม

เหตุผล ที่ทำไมถ้าลำโพง1watt เปิดดังเท่ากันกับ100 watt` ทำไมมันถึงฟังแล้วมันมันแน่นไม่เท่ากัน แถมwatt น้อย บาดหูด้วย เหตุผลเพราะwattเยอะ มีกำลังการขับเสียงต่ำที่ดึงกว่า(คลื่นความถี่ต่ำ จะเคลื่อนที่ได้ไกลกว่า เพราะพลังงานที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของเสียง1 ลูกคลื่นนั้น จะได้ระยะทางที่ยาวกว่าเนื่องจากความถี่ต่ำคือจำนวนลูกคลื่นที่กว้างขึ้น) แต่เสียงสูงเป็นพลังงานเสียงที่คายพลังงานมาก ใช้พลังงานมาก เพราะความถี่สูงพลังงานจะหมดเร็ว(ลูกคลื่นมันถี่มากเลยใช้พลังงานต่อ 1ลูกคลื่นไปเร็วกว่า) ทำให้เวลาเราฟังตู้เล็กๆ ที่ดอกเล็กๆ เบาน้อยๆ บางทีมันบาดหูกว่า อีกทั้งมันมีเรื่องของกำลังแม่เหล็กของลำโพงด้วย ที่จะแปลเปลี่ยนค่าความถี่ที่ตัวแม่เหล็ก ดูดๆปล่อยๆให้ดอกลำโพงกระเพื่อมให้เป็นความถี่ ซึ่งบางลำโพงที่ทำจากวัสดุหรือSpec ต่างกัน บางทีมันจะมีความสามารถในการขับคลื่นความถี่ในแต่ละช่วงไม่เท่ากัน บางแบบขับเสียงสูงดี บางแบบขับเสียงต่ำดี แต่โดยรวม
สรุปเลยคือ เสียงต่ำเดินทางไปได้ไกลกว่าในพลังงานเท่ากันกับเสียงสูงซึ่ง ถ้าตู้wattเล็กขับความถี่ช่วงนี้ได้น้อย เวลาเล่นสดมันก็ดังไม่พอ เพราะเสียงสูงก็หมดพลังงานเร็ว แถมเสียงต่ำก็ ออกได้น้อย แต่สุดท้าย มันก็อยู่ที่ดอกครับ 5555 เอ่อออ มันก็ wattนั่นแหละ 5555`

ตอนนี้ผมไม่ค่อยปกติ พึ่งไปทำให้เลือดจางมา 5555 ถ้ามีข้อมูลอะไรผิดพลาด ขออภัยครับผม

   สมาชิกแบบพิเศษ      Ibanezrg      22 ก.พ. 57   เวลา 0:22:00    IP = 180.183.211.117
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 18  
 
แหล่งรวมความรู้ ขอบคุณนะครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      nacksolo      22 ก.พ. 57   เวลา 11:19:00    IP = 203.126.64.68
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 19  
 
ผมใช้ class 5 เล่นอยู่แต่บ้านก็ดังจนเกรงใจเพื่อนบ้านแล้วครับ

   dome_yajima  23 ก.พ. 57   เวลา 13:54:00    IP = 171.101.211.222
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket