|
 |
|
 |
|
วันนี้นำเสนอเรื่องราวของ กลุ่มหินประหลาด สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge ) |
|
|
|
|
|
 |
สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบว้างใหญ่ในบริเวณที่เรียกว่า ที่ราบซัลลิสเบอร์รี่ ในบริเวณตอนใต้ของอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันอยู่ในแนวนอน และบางอันก็ถูกวางซ้อนขึ้นไปข้างบน
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:31:00
พิมพ์
แจ้งลบ IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
 |
สโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาถึงอายุของมันแล้ว คาดว่ากลุ่มกองหินประหลาดนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ ในบริเวณที่ราบดังกล่าว ไม่ใช่บริเวณที่จะมีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมด มาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากบริเวณที่เรียกว่า "ทุ่งมาล์โบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว
การก่อสร้างสโตนเฮนจจ์นั้นทำสืบเนื่องกันมาถึง 3-4 ระยะในช่วงเวลาประมาณ 1,500 ปี จากยุคหินตอนปลายจนถึงยุคสำริดตอนต้นแต่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 1,800-1,400 ปีก่อนคริสต์กาล ซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงเงาของอีตาลอันรุ่นโรจน์ แนวหินกว่าครึ่งได้หักลงบ้าง หายไปบ้าง บางส่วนก็ทับถมกันอยู่ใต้ดิน การก่อสร้างเริ่มขึ้นในราว 2,8000 ปีก่อนคริสต์กาล (ผู้เชี่ยวชาญบางท่านก็ว่าเมื่อ 3,800 ปี) โดยเริ่มจากการขุดร่องวงกลมขนาดใหญ่ 56 หลุมเรียงเป็นวงกลมภายในวงดินนั้น หลุมเหล่านี้เรียกกันว่า หลุมออบรีย์ ตามชื่อจอห์น ออบรีย์ผู้ค้นพบในคริสต์ศตวรรษ 17 ปัจุบันหลุมดังกล่าวลาดทับด้วยปูบซีเมนต์ แต่หินแท่งแรกซึ่งเรียกกันว่าหินฮีล (Heel Stone) ที่ประจำอยู่ปากทางเข้าวงดินยังคงตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิม หลุมซึ่งขุดเรียงกันเป็นวงกลมอีกสองวงถัดเข้าไปเรียกกันว่าหลุม Y และหลุม Z
วงหลุมทั้งสองนี้คั่นอยู่ระหว่างวงหลุมออบรีย์ที่เป็นวงนอกและวงแท่งหินขนาดมหึมาตรงใจกลางวงดินสันนิษฐานว่าวงหลุม Y และ Z อาจมีความสำคัญในเชิงดาราศาสตร์ ในราว 2,100 ปีก่อนคริสต์กาล มีการนำหินสีน้ำเงิน (bluestone) 80 ก้อนจากแคว้นเวลส์มาเรียงเป็นวงกลมสองวงซ้อนกันแต่ต่อมามีการนำแท่งหินทรายขนาดใหญ่ 30 แท่ง ที่เรียว่าหินซาร์เซน(sarsen) มาเรียงเป็นวงกลมวงเดียวแทนที่วงหินสี่น้ำเงิน
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:31:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 2
|
|
|
 |
สองวงวงเดิมภายในวงหินทรายมีหมู่ หินเรียงเป็นรูปกึ่ง ๆ รูปเกือกม้าอีกสองหมู่หมู่ที่อยู่ด้านนอกประกอบด้วยหินทรายก่อเป็นรูปไตรลิธอนห้ากลุ่ม(Trilithon คือกลุ่มหินที่ประกอบด้วยหินสามแท่ง สองแท่งตั้งขึ้นคู่กันและแท่งที่สามวางพาดเป็นคานในแนวนอน) ส่วนเกือกม้าด้านในประกอบด้วยหินสีน้ำเงินขัดแต่ง 19แท่งสถาปัตยกรรมนี้เป็นความสำเร็จอันน่าทึ่งเมื่อคิดดูว่าเครื่องมือขุดดินที่ผู้สร้างในยุคหินใหม่ใช้เป็นเพียงเสียมที่ทำจากเขากวางแดงเท่านั้น ชาวแซกซันเป็นผู้ขนาดนามวงหินเหล่านี้ว่า สโตนเฮนจ์ซึ่งเแปลตรงตัวว่า หินที่แขวนอยู่ (Hanging Stone) ส่วนบันทึกจากสมัยกลางตั้งชื่อวงหินนี้อย่างไพเราะว่า กลุ่มยักษ์เริงระบำ (The Giants Dance)
แม้ว่านักวิชาการส่วนใหญ่จะเห็นพ้องต้องกันว่าสโตนเฮนจ์เป็นสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันมีไว้เพื่ออะไร มีการเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ นานา เช่น อินิโก โจนส์ สถาปนิกในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เชื่อว่าสโตนเฮนจ์เป็นซากปรักหักพังของวิหารโรมัน แต่คนในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19ยืนยันว่าเป็นวิหารซึ่งพวกลัทธิดรูอิดใช้ประกอบพิธีบูชาพระอาทิตย์และบูชายัญมนุษย์ ความคิดนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ เราะสโตนเฮนจ์นั้นสร้างเสร็จอย่างน้อย 1,000 ปีก่อนลัทธิดังกล่าวจะเฟื่องฟู กระทั่งเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 20 นี้เองที่เราเริ่มได้ข้อเท็จจริงบ้าง นักโบราณคดี สามารถคำนวณหาอายุ และสรุปเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการก่อสร้างสโตนเฮนจ์ได้อย่างสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:32:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 3
|
|
|
 |
แต่ข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงก็ยังนับว่าน้อยอยู่มาก หินซาร์เซนที่เรียงเป็นวงด้านนอกแต่ละก้อนสูง 5 ม และหนักประมาณ26 ตัน หินเหล่านี้ชักลากมาจากทุ่งโล่งมาร์ลโบโร ดาวน์ส (Marlborough Downs)ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 32 กม. แล้วนำมาขัดแต่งและประดิษฐ์ให้มีสลักและเดือยอย่างดี ทำหใแท่งหินคู่ที่ตั้งและคานหินที่ใช้พาดเกาะเกี่ยวกันอย่างมั่นคง ส่วนหินสีน้ำเงินก้อนใหญ่ที่สุดซึ่งหนักถึงสี่ตันนำมาจากภูเขาพรีเซลีทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นเวลส์นั้น สันนิษฐานว่าใช้แพลำเลียงล่องมาตามชายฝั่งเวลส์และแม่น้ำเอวอน แล้วชักลากต่อมาทางบก นักโบราณคดีส่วนใหญ่เชื่อว่า สโตนเฮนจ์เป็นสถานที่ประกอบพิธีฝั่งศพ โดยพิจารณาจากหลักฐานว่านอกเหนือจากสโตนเฮนจ์แล้ว มีการสร้างสุสานมูนดินในหลุมออบรีย์หลายหลุม แต่ก็มีหลักฐานหักล้างว่าหลุมดังกล่าวขุดขึ้นนานก่อนที่จะมีการเผาศพในบริเวณนี้ บ้างก็สันนิษฐานว่าหลุมออบรีย์อาจใช้เป็นส่วนหนึ่งใน พิธีไหว้ด้วยสุรา เช่น ชาวนาอาจเทเหล้าองุ่นลงในหลุมเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าเปห่งธรรมชาติทั้งหลาย
วงหินสโตนเฮนจ์ก็อาจจะเป็นวิหารสำหรับทำพิธีบวงสรวงดังกล่าว ไม่นานมานี้ มีนักดาราศาสตร์คนหนึ่งได้อ้างว่าสามารถถอดรหัสแนวหินได้เขาเสนอว่าสโตนเฮนจจ์ คือ เครื่องคำนวญยุคก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งใช้เป็นปฏิทินดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ เพราะแนวของหินกลุ่มก้องต่าง ๆ ล้วนมีความสัมพันธ์กับแนวการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพระเคราะห์ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทฤษฏีทั้งหลายในปัจจจุบันจะมีตัวเลขและสถิติสนับเสนุนว่าเป็นจริง แต่ก็ยังไม่มีแนวคิดใดไขปริศนาลึกลับแห่งออีตของสโตนเฮนจ์ได้อย่างสมบูรณ์
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:33:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 5
|
|
|
 |
- สร้างเพื่อศึกษาด้านดาราศาสตร์ สังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เช่น สุริยุปราคา จันทรุปราคา เป็นเครื่องคำนวญยุคก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งใช้เป็นปฏิทินดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ เพราะแนวของหินกลุ่มก้องต่าง ๆ ล้วนมีความสัมพันธ์กับแนวการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพระเคราะห์ทั้งสิ้น
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:35:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 6
|
|
|
 |
- ใช้เป็นสถานที่รักษา ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงและดนตรีจากมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์ฟิลด์ค้นพบว่า แท่งหินมหึมาที่ตั้งตระหง่านเป็นวงกลมเหนือเนินดินสามารถสะท้อนเสียงได้อย่างวิเศษ นักวิจัยคาดว่าดนตรีที่เล่นกันบริเวณสโตนเฮนจ์คงเป็นเพลงที่มีจังหวะธรรมดาซ้ำๆ และให้สะท้อนก้องอยู่ในบริเวณนั้น ตรงกันกับเทคโนโลยีกลศาสตร์นาโน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยปรับปรุงงานวิจัยด้านการแพทย์ ด้านการผ่าตัด การผลิตอาหาร และเชื้อเพลิง
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:36:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 7
|
|
|
 |
- เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพ และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความตายของกลุ่มชนชั้นสูงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากการขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์โบราณฝังอยู่ในบริเวณดังกล่าว ตั้งแต่ประมาณเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่สโตนเฮนจ์เริ่มถูกสร้างขึ้น และคาดว่าน่าจะถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพสำหรับชนชั้นสูงในสมัยยุคหินยาวนานต่อเนื่องกันไม่ต่ำกว่า 500 ปี อย่างไรก็ดี แม้ผลการพิสูจน์โครงกระดูกที่ถูกขุดมาจากบริเวณสโตนเฮนจ์จะบ่งชี้ว่าสโตนเฮนจ์ถูกใช้เป็นสุสาน ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือจุดประสงค์แรกมนุษย์ยุคก่อนสร้างสโตนเฮนจ์ขึ้นมา
ถึงทฤษฎีทั้งหลายในปัจจุบัน จะสามารถพิสูจน์ได้เป็นเหตุเป็นผล มีหลักฐาน มีตัวเลขสถิติสนับสนุนว่าเป็นความจริง แต่ก็ยังไม่มีทฤษฎีไหนเลยที่จะไขปริศนาอันลึกลับดำมืดของ "สโตนเฮนจ์" ได้อย่างกระจ่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ใครเป็นผู้สร้าง? ยังเป็นสิ่งที่น่าค้นหา ติดตามกันต่อไปครับ
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:36:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 8
|
|
|
 |
ทฤษฎีพิสูจน์มนุษย์ต่างดาวใช้สโตนเฮนจ์ต้านอุกาบาต
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:37:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 9
|
|
|
 |
(Stonehenge) คือหินแกรนิต (หินใช้ทำครกในบ้านเรา) ถูกตัดเป็นแท่งยาวใหญ่หนักแต่ละก้อนกว่า 50 ตัน นำมาวางเรียงรายเป็นรูปวงกลม เป็นเวลากว่าร้อยปีมาแล้ว ที่นักวิทยาศาสตร์ทุกชาติไม่อาจไขปริศนาสโตนเฮนจ์ หรือหินปริศนาที่อังกฤษได้ เพราะเพียงแค่คำถามเดียวใครคือผู้สร้าง
แค่นี้ต้องหาคำตอบแบบวิจัยไม่รู้จบ
ทั้งนี้เพราะว่ามีการพิสูจน์สิ่งก่อสร้างหินประหลาดมีอายุเกือบหมื่นปี ชาวอังกฤษในยุคนั้น สามารถสร้างขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อต้องลากแท่งหินเป็นระยะทางไกล 200 ไมล์ จากภูเขาใกล้เคียงที่สุดมาวางเรียงรายไว้ในกลางทุ่งราบ ชาลลิสเบอรี่กลางเกาะอังกฤษได้
แน่นอนโลกยุคเกือบหมื่นปีก่อนตามประวัติศาสตร์มนุษย์เรายังอาศัยอยู่ในถ้ำเพียงแค่รู้จักใช้เครื่องมืออาวุธทำจากหินเท่านั้น แล้วจะมีปัญญาลากหินหนักหลายสิบตันเป็นระยะทางไกลได้อย่างไร
เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมามีวิศวกรอาสาสมัครมาทำวิจัยที่สโตนเฮนจ์ นายเปรเซลี เมาเท่น จากแคว้นเวลส์ เขาและทีมงานคำนวณว่าหากใช้แรงงานคนธรรมดาใช้เชือกใช้ล้อทำจากท่อนซุง ใช้แพชนแท่งหินหนัก 70 ตัน เพียงก้อนเดียว คน 100 คน ใช้เวลาขนส่งผ่านน้ำผ่านที่ราบเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ในระยะทาง 200 ไมล์ นี่เป็นข้อสงสัยที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า คนโบราณพวกเขาทำได้อย่างไร
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:37:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 10
|
|
|
 |
ไซนีด เฮเนฮาน กล่าวอีกว่า การไขปริศนามีทางเดียวคือค้นหาอายุแท้จริงของการสร้างให้ได้แล้วอาจได้คำตอบ กลุ่มหินสโตนเฮนจ์ในอังกฤษนั้น วัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของวงกลมได้ 320 ฟุต ซึ่งกลุ่มหินวงกลมในลักษณะดังกล่าวนี้ มิใช่มีแห่งเดียวบนเกาะอังกฤษ แต่มีกว่า 1,000 แห่งขึ้นไป ซึ่งแต่ละแห่งมีขนาดเล็กและโตแตกก่างกันไป
กลุ่มหินวงกลมเล็กสุดอยู่บนเกาะไอซ์แลนด์ที่เมืองคีล ครอสส์ มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 9 ฟุต เท่านั้นส่วนวงกลมหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ที่เมืองอเวบูร์ มีความกว้างขวางอย่างน่าทึ่งถึง 28.5 เอเคอร์ หรือ 71 ไร่ครึ่ง กรณีถกเถียงเป็นหัวข้อต่อมา วงกลมหินประหลาดทุกทุกแห่งถูกสร้างขึ้นมาในเวลาเดียวกันหรือไม่
และเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คนป่าชาวเซลท์ หรือ ชาวดรูอิด คนพื้นเมืองบนเกาะอังกฤษเป็นผู้สร้างขึ้นมา
นักประวัติศาสตร์พบว่าชาวดรูอิดนั้นมีชีวิตอยู่ในยุคนีโอลิธิก หรือเมื่อ 10,000 ปีก่อน ผู้คนยุคนั้นเพียงแค่รู้จักประดิษฐ์เครื่องมือจากหินเท่านั้น ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวมา ใช้เวลา 500 ปี ไม่รู้ว่าจะเสร็จหรือไม่ อีกทั้งน่าเชื่อได้ว่ากองหินประหลาดเกิดขึ้นก่อน ที่ชาวดรูอิดปรากฏตัวบนเกาะอังกฤษถึง 1,000 ปี
ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงคือ ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงคือ ทฤษฎีของ ดร.ออเบรย์ เบิร์ล จากมหาวิทยาลัยฮัลล์ เขาอธิบายว่ากองหินประหลาดมิใช่ชาวพื้นเมืองอังกฤษเป็นผู้ทำขึ้นแต่เป็นผู้คนมาจากพื้นที่อื่น ปัจจุบันคือจังหวัดบริตตานีทางเหนือของฝรั่งเศส
ทั้งนี้เพราะรอบๆกองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ได้ขุดค้นพบเครื่องมือโบราณ เช่น ขวาน ล้อหิน และอื่นๆซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับที่ชาวบริตตานีโบราณทำขึ้นมาใช้
อย่างไรก็ตามมีนักโบราณคดีอีกหลายคนแย้งว่าเครื่องมือทำจากหินจะสร้างสโตนเฮนจ์ได้จริงหรือ?
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:38:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 11
|
|
|
 |
นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ดร.จีราลด์ ฮอว์คินส์ ตั้งทฤษฎีอธิบายว่า สถานที่แห่งนี้แท้ที่จริงแล้วถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหอตรวจการปรากฎการณ์ของดวงดาวบนท้องฟ้า ดร.จีราลด์อธิบายอย่างระมัดระวังว่าแท่งหินทุกก้อนที่ถูกนำมาวางเรียงเป็นวงกลมนั้น คือ วันเวลาในรอบ 1 ปี ปฏิทินที่จะบอกเวลาการเปลี่ยนฤดูกาลจากหนาวเป็นร้อน ทั้งนี้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านแท่งหินทำให้รู้ว่าเป็นช่วงฤดูกาลใด
ทฤษฎีของ ดร.จีราลด์ได้รับการยอมรับมากที่สุด เมื่อเร็วๆนี้ มีทฤษฎีหนึ่งถูกตั้งขึ้นมาทำให้คนทั้งโลกสะท้านใจเฮือกใหญ่ เจ้าของทฤษฎีชื่อ ดันแคน สตีล ไม่ใช่คนกิ๊กก๊อกธรรมดาเป็นถึงผู้อำนวยกรป้องกันภัยในอวกาศ แห่งออสเตรเลีย เขาเขียนลงในหนังสือ Rogue Asteroids and Dooms day comets แปลว่า อุกาบาตมฤตยูกับดาวหางล้างโลก ดันแคนสำแดงเหตุผลของเขาว่า สโตนเฮนจ์ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตวรรษ หรือ 5,000 ปีก่อน ซึ่งจากการคำนวณในยุคนั้นพบว่ากลุ่มสะเก็ดดาว เทาริด ไดพุ่งผ่านโลกในระยะใกล้ทำให้เกิดฝนดาวตก ซึ่งอาจทำให้สิ่งมีชีวิตตกอยู่ในภาวะอันตราย
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:40:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 12
|
|
|
 |
เขาพบอีกว่าดาวหางมฤตยู เก้ ก็อยู่ในทิศทางโคจรดียวกันกับสะเก็ดดาวเทาริด แต่ขณะเดียวกันคนในยุคนั้นหากต้องการเห็นดาวหางเก้ได้ชัดเจน ต้องขึ้นไปอยู่ที่สูงราว 20 ฟุต จึงจะมองเห็นได้ชัดเจน มุมมองเช่นนี้หากขึ้นไปอยู่บนส่วนโค้งของหินสโตนเฮนจ์ ดันแคนรับรองว่าเห็นได้ชัดเจนมาก
หรือขณะที่โลกถูกพายุดาวตกถล่มนั้น คนที่อยู่ในสโตนจ์เป็นหินขนาดใหญ่ ก็ใช้หลบภัยได้อย่างสบายๆ แต่มันน่าประหลาดใจตรงที่คนโบราณรุ่นนั้นสร้างสิ่งก่อสร้างมหึมาขึ้นมาได้อย่างไร แน่นอนคนยุคนั้นไม่มีรถแบคโฮ ไม่มีเครื่องมือจักรกลหนัก แต่หากมีผู้ทรงภูมิปัญญามาแนะนำเทคโนโลยีชั้นสูงให้ หรือลงมือสร้างเองก็มิใช่ปัญหาใหญ่ น่าคิดอีกว่าสิ่งก่อสร้างคล้ายสโตนเฮนจ์มีกระจายไปทั่วโลกเช่นในอียิปต์ เยเมน ซาอุดิอารเบีย ซิบบับเว และนิวซีแลนด์ ผู้สร้างกองหินประหลาดไว้ดูดาวหาง หลบภัยจากพายุฝนดาวตกเมื่อ 5,000 ปี จะเป็นใครไม่ได้ นอกจากมนุษย์ต่างดาวเจ้าเก่าเท่านั้น
และเป็นไปได้ว่ามนุษย์ต่างดาวซึ่งมีเทคโนโลยีสูงส่ง อาจใช้สโตนเฮนจ์ร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆที่ได้สร้างขึ้นมา ยิงทำลายหรือทำให้อุกาบาตที่กำลังพุ่งชนโลกหักเหทิศทางพุ่งผ่านโลกไป
ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/11/blog-post_14.html#ixzz32apigjjQ
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:41:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 13
|
|
|
 |
แถมอีกเรื่องนะครับน่าสนใจดี พบอุโมงค์ลับ 1,800 ปี ที่นครโบราณ ในเม็กซิโก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักโบราณคดีใช้เครื่องเรดาค้นพบอุโมงค์ขนาดใหญ่ใต้พื้นดินของนครโบราณเตโอติอัวกัน ในเม็กซิโก
โดยอุโมงค์ที่พบนั้น เมื่อใช้เรดาสำรวจมีความลึกถึง 120 ม.แต่นักโบราณคดีขุดได้เพียง 7 เมตรเท่านั้น ภายในนั้นพบสัญลักษณ์รูปต่างๆมากมาย โดยสันนิษฐานกันว่าอุโมงค์นี้จะทะลุไปสู่ห้องได้อีก 3 ห้อง และอาจเป็นกุญแจไขปริศนาแห่งอารยธรรมในสมัยนั้นด้วย
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:43:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 14
|
|
|
 |
เซอร์จิโอ โกเมส ชาเวส นักโบราณคดีของสถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์ของเม็กซิโก กล่าว่า มีห้องใต้ดินหลายห้อง ซึ่งอาจเป็นที่ฝังพระศพกษัตริย์ของอารยธรรมเมโสอเมริกา หากได้รับการยืนยันชัดเจน จะถือเป็นการค้นพบครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของศตวรรษที่ 21
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:44:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 15
|
|
|
 |
ทั้งนี้เมืองเตโอติอัวกันสร้างขึ้นเมื่อราวปี 100 ก่อนคริสต์ศักราช และสิ้นสุดลงในศตรรษที่ 8 ถือเป็นแหล่งอารยธรรมก่อนยุคสเปนที่มีอิทธิพลที่สุด ในยุคที่อาณาจักรรุ่งเรืองเคยมีประชากรถึง 200,000 คน เป็นที่ตั้งของพีระมิดสุริยันและพีระมิดจันทรา เมืองนี้เต็มไปด้วยวัง วิหาร บ้านเรือน โรงช่างฝีมือ และถนน สร้างขึ้นเพื่อจำลองจักรวาลตามคติความเชื่อ
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 8:44:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 17
|
|
|
^^
พายุลูกเห็บ
24 พ.ค. 57
เวลา 10:13:00 IP = 49.230.85.182
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 18
|
|
|
ขอบคุณครับ อ่านจนจบครับผม ลงชื่อติดตามผลงานนะครับ
Kay
24 พ.ค. 57
เวลา 10:30:00 IP = 124.82.77.142
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 19
|
|
|
พายุลูกเห็บ สวัสดีครับ
Kay ขอบคุณที่ติดตามครับ
top2513
24 พ.ค. 57
เวลา 10:31:00 IP = 125.26.18.221
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 23
|
|
|
แปะ
peecup 24 พ.ค. 57
เวลา 23:44:00 IP = 124.120.102.187
|
|
|
 |
|
 |
|