(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  วันนี้นำเสนอ เหตุการณ์ ลึกลับ-พิศวง-พิศดาร หลากหลายครับ  
 
"Relationship : Woman and Cobra : แต่งงานอยู่กินกับงูเห่า"
พิธีแต่งงานพิลึกพิลั่นนี้เกิดขึ้นที่เมืองภูพเนศวร (Bhubaneshwar) เมืองเอกของรัฐโอริสสา ทางตะวันออกของอินเดีย เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งบอกว่าเธอตกหลุมรักงูเห่าตัวหนึ่งถึงขนาดต้องจัดงานแต่งงานกัน โดยมีแขกเหรื่อเกือบ 2 พันคน มาร่วมงาน ด้วยความเชื่อที่ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะนำโชคดีมาสู่หมู่บ้าน
เจ้าสาวรายนี้มีชื่อว่า พิมบาลา ดาส วัย 30 ปี ได้เข้าพิธีแต่งงานกับอสรพิษ โดยมีนักบวชชาวฮินดูประกอบพิธีให้ ส่วนเจ้าบ่าวงูเห่าตัวนี้ซึ่งอาศัยอยู่บนภูเขาไม่ได้มาปรากฎตัวในงาน แต่ได้มีการนำงูจำลองที่ทำจากทองเหลืองมาตั้งเป็นเจ้าบ่าวแทน
ส่วนตัวเจ้าสาวบอกว่างูเห่าตัวนี้ไม่เคยทำร้ายเธอ และด้วยความที่งูพูดไม่ได้ และฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งเธอ และแฟนงูจึงมีวิธีมหัศจรรย์ติดต่อสื่อสารกัน และเมื่อเธอนำนมไปไว้ที่ภูเขาที่งูเห่าตัวนั้นอาศัยอยู่มันก็จะออกมากินทุกครั้ง ขณะที่พวกชาวบ้านรวมทั้งครอบครัวของเธอต่างตื่นเต้นยินดีที่รู้ว่าเธออยากแต่งงานกับเจ้างูตัวนี้ บางคนถึงขนาดเสนอจัดงานแต่งให้ โดยหลังงานแต่งญาติๆ จะสร้างกระท่อมให้เธออยู่ติดกับภูเขาลูกดังกล่าวเพื่ออยู่ใกล้ๆ สามีอสรพิษ


   สมาชิกแบบพิเศษ   top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:29:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 1  
 
"โถฉี่จากกองฟาง ไอเดียบรรเจิด รีไซเคิลฉี่กลับมาเป็นเบียร์"
ไอเดียเจ๋งๆ สำหรับผู้ชายอย่างเราจริงๆ ครับ สำหรับ โถฉี่จากกองฟาง ที่เรียกได้ว่ามันจะรีไซเคิลฉี่ที่เราปล่อยออกมากลับมาเป็นเบียร์ให้เรากินอีกนั่นเอง (เอ๊ะ อะไรนะ?) แต่หนุ่มๆ อย่าเพิ่งตกใจ แล้วร้องหยีไปครับ มาลองอ่านสรรพคุณมันกันก่อนดีกว่า หลักการง่ายๆ ของมันก็คือ กองฟางนั้นคือคาร์บอน และ ฉี่ของเรามีฤทธิ์เป็นไนโตรเจนนั่นเอง เมื่อไนโตรเจน มาผสมคาร์บอนที่เป็นกองฟางแล้ว มันจะเกิดปฏิกริยาเปลี่ยนแปลงรูปตัวเองให้กลายเป็นปุ๋ยในเวลา 6 เดือนนั่นเอง และเมื่อ โถฉี่จากกองฟาง ของเราเปลี่ยนสภาพกลายเป็นปุ๋ย เราก็เอาปุ๋ยที่ได้นี่แหละครับมาใช้เป็นไอเท็มช่วบปลูกข้าวให้ผลผลิตดี และก็นำข้าวที่เราปลูกได้นี่แหละ ไปทำเป็นเบียร์ให้เรากินต่อไปครับ ซึ่งไอเดีย โถฉี่จากกองฟาง นี้เหมาะนักแหละสำหรับเทศการเฟสติวัล หรืองานลานเบียร์ ในไทยเรานักแหละเพราะนอกจากจะไม่เปลืองงบและยังได้ปุ๋ยอีกด้วยนะเนี่ย

ข้อมูล>>>>Mthai.com

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:30:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
"แอตแลนติสโบราณ (The Ancient Atlantis) อาณาจักรที่สูงส่งด้วยวิทยาการ"

ดินแดนที่ว่าเป็นเสมือนอาณาจักรในม่านหมอกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติครับ เพราะจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันตั้งอยู่บนดินแดนไหนของโลก อย่าว่าแต่ที่ตั้งเล๊ย... อาณาจักรนี้จะมีตัวตนอยู่จริงหรือเป็นเพียงตำนานก็ยังหาคนมายืนยันไม่ได้ด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อครับ ว่าครั้งหนึ่งโลกของเรา เคยมีอาณาจักรที่สูงส่งด้วยวิทยาการแต่ประสบความพินาศเพราะภัยสงครามนามว่าแอตแลนติสอยู่จริงๆ เชื่อกันว่าอาณาจักรแอตแลนติสมีความก้าวหน้าทางวิทยาการเอามากๆ ก้าวหน้าชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการทำลายล้างเป็นเทคโนโลยีที่เป็นตัวแทนของแอตแลนติสเลยทีเดียวครับ เหตุผลที่อาณาจักรโบรารแห่งนี้เน้นเทคโนโลยีด้านสงครามก็อาจเป็นเพราะ ต้องปกครองอาณานิคมที่กระจัดกระจายอยู่รอบโลก แถมยังต้องทำสงครามกับทวีปอื่นๆที่รุ่งเรืองมาในยุคไล่ๆกัน ตำราบางเล่มกล่าวถึงการรบกันระหว่างแอตแลนติสกับอาณาจักรทางฝั่งอินเดียโบราณไว้อย่างน่าดูชม ดูเหมือนภาษาสันสกฤตโบราณจะขนานนามของชาวแอตแลนติสว่า อัศวินหรือนักรบ อืมห์... ก็ตรงตัวดีอยู่แหละ
หลายตำนานกล่าวตรงกันว่า แอตแลนติสมาถึงจุดหายนะเพราะภัยสงคราม เนื่องจากการใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างไม่ยั้งคิดนั่นเอง จุดจบของแอตแลนติสน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับมนุษย์เราในปัจจุบันได้ไม่มากก็น้อย ตราบที่เรายังไม่ยุติการแก้ปัญหาด้วยกำลัง หรือกระหายสงครามอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

ที่มา : http://www.mythland.org/

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:32:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 3  
 
"ภาพเปรียบเทียบยานยุคปัจจุบันและภาพของของปากัลกษัตริย์" โบราณของชาวมายากับ"พาหนะ"ที่ทรงใช้เดินทางเพื่อไปพบกับพระเจ้า บรรพบุรุษชาวมายากล่าวได้ว่าปราดเปรื่องในศาสตร์สำคัญหลายๆแขนง เป็นต้นว่า ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ พวกเขามีวิชาความรู้ด้านวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม มีการสร้างคลองส่งทำ การทำชลประทานดังที่เหลือหลักฐานอยู่ในคาบสมุทรยูคาทาน ตลอดไปจนมีสิ่งแปลกๆผิดยุคในครอบครองอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องประดับที่เป็นรูปเครื่องบินปีกสามเหลี่ยม กล่องสมบัติที่รูปร่างเหมือนเครื่องส่งวิทยุ หรือแม้แต่แผนที่ดาวซึ่งระบุตำแหน่งของดวงดาวเอาไว้เมื่อสองหมื่นกว่าปีก่อนไว้อย่างแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยน

นักคิดนักเขียนหลายเชื่อว่าอารยธรรมมายาคือสิ่งที่หลงเหลือมาจากแอตแลนติส เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์เอื้ออำนวยให้เชื่อเช่นนั้น แต่บางกระแสก็ว่าไม่ใช่ เพราะระยะเวลาของอารยธรรมทั้งสองห่างกันมากโข หากชาวมายาได้รับความรู้จากอารยธรรมที่สูงส่งกว่าจริง แหล่งความรู้ดังกล่าวควรจะมาจากนอกโลกมากกว่า เพราะตำนานของชาวมายาเองก็ระบุเอาไว้เช่นนั้น

เชื่อกันว่าชาวมายาเองมีสถานที่ที่เรียกว่า ห้องแห่งความรู้ ที่เก็บสรรพวิทยาของชาวมายาเอาไว้ น่าเสียดายที่ไม่มีใครทราบว่ามันอยู่ตรงไหน บางทีอาจอยู่ในปิระมิดซักลูก (ในบรรดานับแสนลูก) หรือสุสานใต้ดินซักแห่งนึง รอให้เราขุดพบและตีความเหมือนที่เคยทำกันมาแล้วกับสุสานของกษัตริย์นักบินปากัล ห้องแห่งความรู้ของชาวมายาจะเก็บความรู้ไว้ในลักษณะใดยังไม่มีใครบอกได้ อาจจะเป็นจารึกภาษามายาหรือภาพวาดบนฝาผนัง หรือยิ่งไปกว่านั้นคือเก็บไว้ในสื่อลักษณะอื่นซึ่งเคยมีการกล่าวถึงบ่อยๆในตำนานของชาวมายา สื่อที่ว่ามีลักษณะคล้ายคริสตัลที่สามารถเข้ารหัสเก็บข้อมูลได้อย่างมหาศาล

ที่มา : http://www.mythland.org/

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:34:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
"อังกฤษเผยเอกสารลับจากหอจดหมายแห่งชาติที่รวบรวมข้อมูลจากกลาโหมพบเอเลี่ยนเยือนอังกฤษหลายครั้ง"

เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่นนั้นยังคงเป็นปริศนาลึกลับ ที่ทุกคนทั่วโลกยังเฝ้าสงสัยว่า ปรากฏการณ์ผู้มาเยือนจากนอกโลกนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่เคยมีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันมาพิสูจน์ให้เห็นตรงกันว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ หรือว่าเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนอาจจะต้องเผชิญหน้ารับมือกับผู้ที่อยู่นอกโลก

ทว่า ขณะนี้เรื่องราวที่เคยเป็นเรื่องลี้ลับได้ถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่มีการเปิดเผยเอกสาร (เคย) ลับจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติอังกฤษ ที่รวบรวมข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

การเปิดเผยข้อมูลลับในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อที่จะให้ทุกคนแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวซึ่งอาจจะปรากฏเป็นความจริงในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นได้ โดยเอกสารทั้งหมดมีจำนวนมากถึง 6,700 แผ่น ซึ่งรวบรวมโดยกระทรวงกลาโหมแห่งอังกฤษ พร้อมกับมอบหลักฐานเหล่านี้ไว้ให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ ซึ่งเป็นผู้ชูนโยบายรัฐบาลในการป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามของเหล่ามนุษย์ต่างดาว

เนื้อหาภายในเอกสารจะเป็นการรวบรวมเหตุการณ์ที่บรรดาผู้พบเห็นทุกคนได้พบเจอมาตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งหากนับระยะเวลาทั้งหมดแล้วจะพบว่า มนุษย์ต่างดาวได้เข้ามาเยือนสหราชอาณาจักรเป็นระยะเวลานานกว่าร้อยปีแล้ว

ครั้งหนึ่งในปี 1958 สารวัตรอากาศชาวอังกฤษเผยว่า ยังจดจำภาพเหตุการณ์วันนั้นได้อย่างแม่นยำ โดยระหว่างที่เขากำลังบังคับเครื่องบินกลางอากาศบนความสูงที่ 4 หมื่นฟุต ก็ได้เห็นวัตถุแปลกประหลาดมีลักษณะคล้ายจานส่องแสงสว่างมาแต่ไกล และทันใดสารวัตรอากาศก็ได้ติดต่อประสานงานกับหอวิทยุการบิน ทว่าผู้ที่อยู่บนหอควบคุมนั้นโต้ตอบกลับมาว่า พบยานที่มาจากนอกโลกนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมักเกิดขึ้นเป็นประจำ

ระหว่างปี 1977 หญิงรายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมท้องถิ่นรายงานว่า ได้เห็นวัตถุประหลาดมีรูปร่างคล้ายหลังคารูปโดมแล่นลงจอดบริเวณใกล้กับโรงแรมของเธอ จากนั้นก็เห็นมนุษย์รูปร่างสูงโปร่งไร้ใบหน้าสวมชุดสีเงินโดยทำการวัดพื้นที่โดยรอบ จนหญิงรายนี้ช็อกทำอะไรไม่ถูก

หลังจากนั้นไม่นานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวอย่างละเอียด พร้อมทั้งสัมภาษณ์เจ้าของโรมแรมแห่งนี้ ซึ่งครั้งแรกเจ้าหน้าที่คิดว่าร่องรอยที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพวกมือบอน แต่ในที่สุดทุกคนก็ต้องอยู่ในอาการตกตะลึงเพราะมนุษย์ต่างดาวปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็นกันแบบเต็มๆ ตา

ต่อมาในปี 1992 ชายสองคน เผยว่า ถูกลักพาตัวโดยเอเลี่ยนบนทางหลวงสาย A 70 ในสกอตแลนด์ โดยที่มนุษย์ต่างดาวได้แล่นยานลงจอดบนกลางถนน พร้อมกับสะกดจิตชายทั้งสองคนจนไม่รู้สึกตัว

แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกเหล่านี้มีจุดประสงค์ใด แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมแห่งประเทศอังกฤษคาดว่า การเยือนโลกของเหล่ามนุษย์ต่างดาวอาจมีวัตถุประสงค์เพียงแค่ทำการสำรวจทางการทหาร วิทยาศาสตร์ และการท่องเที่ยวเท่านั้น ไม่ได้มุ่งหมายที่จะปองร้ายมนุษย์แต่อย่างใด

แหล่งข่าว>>>>โพสต์ทูเดย์

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:35:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
อันนี้เป็นข่าวนานแล้วครับ เคยเห็นแต่รูป พอดีไปเจคลิปมา น่าสนใจดีเลยนำมาให้ชมกัน


เรื่องนี้เกิดใน จ.ลำปาง เรื่องมีอยู่ว่า...

........วันลอยกระทงที่ผ่านมา หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งได้ตั้งวงสังสรรค์กันภายในห้องพัก หนุ่มสาวทั้งหมดนี้
ทุกคนทำงานในอมตะนคร ในขณะที่นั่งดื่มกินกันอยู่ ก็มีชายสองคนขับรถมอไซด์ออกไปข้างนอก
เพื่อไปหาซื้อเครื่องดื่มมาเพิ่ม 1 ใน 2 คนที่ออกไปเป็นสามีของหญิงเสื้อแดงที่อยู่ด้านซ้ายมือ
ทุกคนที่นั่งอยู่หารู้ไม่ว่าเพื่อนทั้ง 2 คนที่ออกไป ได้เกิดอุบัติเหตุ คนที่เป็นแฟนคนเสื้อแดง ได้เสียชีวิตคาที่
ส่วนคนที่ไปด้วยมีคนนำส่งโรงพยาบาล เพื่อนกลุ่มนี้ก็ยังนั่งสังสรรค์กันต่อไปและได้มีการนำมือถือมาถ่ายคลิป

........หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาแจ้งข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทุกคนจึงแยกวงและไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล

........หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไป ก็มีการนำคลิปมาเปิดดู ปรากฏว่า...เหมือนกับมีส่วนเกินอยู่ในคลิปด้วย




ซึ่งหญิงเสื้อแดง เธอก็ยืนยันว่า นั่นคือวิญญาณของสามีเธอเอง เพราะสภาพศพวันที่เสียชีวิตคาที่ ลักษณะมีเลือด

โชกเต็มหน้า คล้ายๆกับในคลิป นั่นก็แสดงว่า ชายคนนั้นหลังจากเสียชีวิต วิญญาณของเขาก็กลับมาที่ห้อง


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2012/11/blog-post_8.html#ixzz39rXHAEpo


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:36:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
โดยที่เพื่อนๆแม้กระทั่งแฟนไม่มีใครมองเห็นเขาซักคน...แต่มีภาพของเขาติดอยู่ในคลิปไ­ด้อย่างไร???(ให้สังเกตุด้านหลังของชายที่นั่งติดประตู)เรื่องนี้จะจริงหรือเท็จก็ขึ­้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล หรือถ้ามีใครอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ก็ให้ติดตามชมคลิปนี้ได้
ในรายการ...เรื่องจริงผ่านจอ ที่จะออกอากาศวันพฤหัสที่ 27 พ.ย 2551 นี้ (เขาบอกมา)


..........เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นอุทาหรณ์อยู่อย่างนึงคือ ในขณะที่ดื่มสุราเข้าไปแล้ว ไม่ควรขับขี่ยวดยานพาหนะ เพราะตอนเมาก็จะทำให้ขาดสติ
รถจะแรงผิดปกติ โดยเฉพาะตอนนี้กำลังรณรงค์เรื่อง Safety กันอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องไกล้ตัวสำหรับพนักงานทุกคน


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2012/11/blog-post_8.html#ixzz39rXTtmQq


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:37:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 7  
 
สำนักข่าวต่างประเทศท้องถิ่นของประเทศโคลัมเบีย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา หญิงชราวัย 82 ปี ซึ่งเดินทางมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาของโคลัมเบีย หลังมีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงและเชื่อว่ามีบางอย่างผิดปกติในช่องท้อง เมื่อแพทย์เอ็กซเรย์บริเวณช่องท้องก็ถึงกับช็อคไปตามๆกันเมื่อพบว่ามีทารกอายุครรภ์ 40 ปีอยู่


ทั้งนี้แพทย์วินิจฉัยว่าทารกในท้องคนไข้นี้หลุดออกจากมดลูก ทำให้ไม่มีพัฒนาการ หยุดการเจริญเติบโต เรียกภาวะนี้ว่า lithopedion หรือ stone pregnancy

ล่าสุดได้ส่งตัวหญิงชรารายนี้ไปที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง เพื่อผ่าตัดเพื่อนำทารกออกมาแล้ว



ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/293968.html

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/12/40.html#ixzz39rYC3lvd


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:40:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 8  
 
ชาวสังคมออนไลน์ในจังหวัดเชียงใหม่ แห่แชร์ภาพปรากฎการณ์ ทินดอลล์ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์การกระเจิงแสง เกิดขึ้นเป็นปกติตามธรรมชาติ ซึ่งภาพที่หลายคนถ่ายออกมาเป็นลักษณะ ลำแสงสีทองทะลุผ่านกลุ่มเมฆหนาที่ปกคลุม ส่องลงมายังพื้นด้านล่าง

หลายคนที่ไม่เคยเห็นภาพต่างฮือฮาแต่บางคนก็บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งมีชาวสังคมออนไลน์บางคนติดตลกบอกว่าเป็นแสงจากเทพเจ้าธอร์จากภาพยนตร์ชื่อดังก็เป็นได้

ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ทินดอลล์ (Tyndall Effect) คือปรากฏการณ์กระเจิงแสง เมื่อฉายลำแสงไปในสารคอลลอยด์บางชนิด อนุภาคคอลลอยด์จะช่วยกระเจิงแสงและทำให้มองเห็นเป็นลำแสงได้ เช่นการทอแสงของอากาศที่มีละอองฝุ่นอยู่

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2014/06/tyndall-effect.html#ixzz39rYjYLjk


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:42:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 9  
 
แปลกตาดีครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:44:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 10  
 
222

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:49:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
มาดูหนังแนวสยองขวัญกันบ้างนะครับเผื่อมีคนชอบ

"Human Centipede หนังที่ว่ากันว่าดิบในความเป็นโรคจิต"
เป็นหนังที่แอดมินว่าแปลกและโหดโรคจิตที่สุดเรื่องนึง ชื่อไทย “จับคนมาทำตะขาบ” หนังสัญชาติสวีเดน ที่ภาคแรกนั้นว่าด้วยหมอโรคจิต จับคนมาผ่าตัดโดยให้ปากเย็บติดกับก้นของคนข้างหน้า ซ้อนกันหลายๆคน จนมีรูปร่างคล้ายตะขาบ ภาคแรกยังซอฟท์มาก หากเทียบกับภาคที่สอง ที่หลายๆคนบอกว่าหาความบันเทิงไม่ได้เลย เพราะทั้งเรื่องนั้น เน้นความโหด และ จิตของตัวละครหลักที่โรคจิต บวกกับความโหดในการจับคนมาทำตะขาบที่คูณจากภาคแรกไปเลย 10 เท่า ตัวหนังทำให้คนดูมีความรู้สึกเหมือนกำลังดูการทรมานหมู่อยู่ กดประสาทสุดๆ หนังถึงขั้นปรับสีให้เป็นขาวดำ เพราะความโหดสุดขีดของมันนั่นเอง มันช่างแตกต่างกับหนังประเภทโหด หวีด สยอง บางทีถึงขั้นปิดตาเลยทีเดียวและได้ลุ้นร่วมไปกับเหตุการณ์ต่างๆ แบบคลาดไม่ถึง
ใครไม่เชื่อต้องหามาดูกันเอาเอง แล้วมาแสดงคอมเม้นให้เพื่อนๆ รู้ด้วยนะ สำหรับคนรักหนังแนวนี้ ก็มีเหตุผลที่คล้ายๆกัน (ขอเตือนสำหรับคนจิตแข็งเท่านั้น)

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:53:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 12  
 
"คุกที่สบายที่สุดในโลก"
“คุก” เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากจะเข้าไปอยู่หรอก .. ทั้งแคบ อึอัด น่ากลัว เสียอิสระภาพ (เอ๊ะพูดซะเหมือนเคย >,<) เอาเป็นในภาพยนตร์ละกัน เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าในหนังบางเรื่องจะถ่ายทอดให้เห็นความโหดร้าย ทารุณ น่ารันทด แต่ทว่าเพื่อนๆได้มาเห็น คุกที่สบายที่สุดในโลก จะบอกว่าน่าอยู่กว่าบ้านซะอีก ^^
คุกที่สบายที่สุดในโลก แห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเล ห่างจากกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ การเดินทางต้องโดยสารด้วยเรือเฟอร์รีเท่านั้นบรรยากาศภายในคุกแห่งนี้คือ นักโทษจะเป็นคนดูแลผู้ไปเยือนและดูแลกันเองภายใน ไม่มีผู้คุมหรือกำแพงสูงป้องกันการหลบหนี บ้างทีเราอาจจะคิดว่านี่คือคุกหรอ ? เมื่อเข้าไปจะได้เห็นความเป็นอยู่ที่แสนสบาย มีบ้านพักสไตล์ในเรือนจำ เลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไม นักโทษไม่หนี เพราะมีบรรยากาศดีๆ แถมยังมีกิจกรรมให้ทำอีก ไม่ว่าจะเป็น แหล่งตกปลา, คอร์ตเทนนิส มีกระทั่งห้องเซาน่า แถมนักโทษจะมีบ้านไม้เล็กเป็นของตัวเองซะอีก นักโทษเหล่านี้ก่อคดีร้ายแรงมากมาย กลับได้ใช้ชีวิตอย่างที่คนธรรมดาทั่วไป ที่ต้องเสียเงินซื้อ บรรยากาศแบบนี้ในช่วงวันหยุดพักผ่อน

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 10:56:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 13  
 
ฝากข่าวนิดนึงครับ

ไทย ถูกปรับสถานะเป็นสีเหลือง เฝ้าระวังอีโบลา
ทั้งนี้เนื่องจากมีผู้โดยสาร 21 คน เดินทางจากแอฟริกาตะวันตกเข้าสู่ประเทศไทย ในช่วงที่เริ่มมีการระบาด โดยโรคอีโบลาเป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสที่มีความรุนแรง ติดต่อโดยการสัมผัสกับเลือด หรือ สารคัดหลั่งจากร่างกาย โดยมีระยะฟักตัวของเชื้อ 2-21 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะมาก ตามด้วยอาการเจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย ตลอดจนมีผื่นนูนแดงขึ้นตามตัว ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการเลือดออกง่าย อวัยวะหลายระบบเสื่อมหน้าที่ และเสียชีวิต
แดง = มีผู้เสียชีวิตจากโรคแล้ว
ส้ม = มีผู้ป่วยที่กำลังรับการรักษา
เหลือง = เฝ้าระวัง
(via : WHO)
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน ข่าวสุดสัปดาห์ ข่าวช่อง 1 เวิร์คพอยท์

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ส.ค. 57   เวลา 11:02:00    IP = 125.26.33.32
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 14  
 
ขอบคุณมากครับ

   sakai  9 ส.ค. 57   เวลา 12:08:00    IP = 113.53.154.161
 


  คำตอบที่ 15  
 
ขอบคุณมากครับ อ.ท๊อป

   สมาชิกแบบพิเศษ      khakai      9 ส.ค. 57   เวลา 12:36:00    IP = 223.207.251.87
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 16  
 

ขอบคุณครับ พี่หมอ

   สมาชิกแบบพิเศษ      ชิตชัย      9 ส.ค. 57   เวลา 12:59:00    IP = 171.5.250.28
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 17  
 
ขอบคุณครับป๋าท็อบ

   deerpoison      9 ส.ค. 57   เวลา 14:34:00    IP = 66.249.84.41
 


  คำตอบที่ 18  
 
ขอบคุณมากครับ

   ABSOLUTE MUSIC      9 ส.ค. 57   เวลา 15:06:00    IP = 58.10.205.203
 


  คำตอบที่ 19  
 
ขอบคุณมากครับ

   Mac_Threebay      9 ส.ค. 57   เวลา 16:18:00    IP = 118.174.137.18
 


  คำตอบที่ 20  
 
ขอบคุณครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      mawmeaw99      9 ส.ค. 57   เวลา 18:10:00    IP = 49.49.47.31
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 21  
 
มารายงานตัวครับ ขอบคุณครับผม


   eid_guitar  9 ส.ค. 57   เวลา 21:45:00    IP = 101.51.25.228
 


  คำตอบที่ 22  
 
สุดยอดครับ

   พ่อลูก1      10 ส.ค. 57   เวลา 8:37:00    IP = 58.11.135.254
 


  คำตอบที่ 23  
 
ชอบฝุดๆ

   สมาชิกแบบพิเศษ      Bond11      10 ส.ค. 57   เวลา 18:38:00    IP = 49.230.144.9
สมาชิกแบบพิเศษ  
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket