Home | Login | คอร์ด/เนื้อเพลง | Webboard | Classifieds | Music Jobs (หางาน) | TV / Video









(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  PEDALBOARD UPDATE : MID 2015 | In-Depth Review  
 
สวัสดีครับ สมาชิก Guitarthai ที่ยังคงแวะเวียนมาในเว็บบอร์ดแห่งนี้อยู่

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ จำนวนคนที่คอนเล่นคอยถาม-ตอบในบอร์ดนี้ จำนวนลดไปอย่างน่าใจหาย ทุกอย่างมันก็มีเวลาของมัน อาจเพราะว่ามีช่องทางอื่นๆที่สื่อสารกันได้รวดเร็วกว่า (อันที่จริงตัวผมก็ด้วย ตั้งแต่เปลี่ยน username มาใช้อันนี้ ก็แทบไม่ได้เข้ามาเลย มีแค่ลงประกาศในหน้าซื้อขายนิดหน่อย และส่องๆบ้าง)

แต่ที่นี่ถือว่าเป็นที่แรกๆที่ผมใช้ศึกษาหาข้อมูลเรื่องกีตาร์หรือเอฟเฟคและอุปกรณ์ต่างๆเลย ตั้งแต่สมัยมัธยมที่ภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรง การได้ตามอ่านเรื่องราวต่างๆที่แชร์กันอยู่ในนี้ มันมีประโยชน์มากจริงๆครับ

ถ้าให้นับเวลาที่ผมเป็นสมาชิกเว็บนี้ ตั้งแต่สมัคร user ครั้งแรก จวบจนวันนี้ก็น่าจะประมาณ 10 ปีได้แล้ว

วันนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์ pedalboard หรือบอร์ดเอฟเฟคของผมชุดปัจจุบันในที่แห่งนี้ครับ


ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 13:57:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 1  
 
ในภาพที่จั่วหัวกระทู้ บอร์ดที่เห็นเบลอๆอยู่นั่น เป็นชุดก่อนอัพเดตครับ ถ่ายเมื่อสัก 2 เดือนที่แล้ว...

ต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่นักดนตรีอาชีพนะครับ หลักๆผมเป็นนักออกแบบอิสระ (freelancer) และเป็นอาจารย์พิเศษสอนด้านกราฟิกดีไซน์ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง

ดนตรีผมเล่นเป็นงานอดิเรก แต่ก็มีทำเพลงกับวง และเล่นในอีเว้นท์หรือปาร์ตี้ต่างๆบ้าง ช่วงจบ ป.ตรี ใหม่ๆ จนถึงประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ผมเคยรวมตัวกับรุ่นพี่จัดงานปาร์ตี้ ช่วงนั้นจึงเป็นช่วงที่ได้เล่นบ่อยๆ (เพราะจัดเองเล่นเอง ฮ่าๆ)
ช่วงหลังๆมานี่เล่นน้อยมากๆครับ บางทีปีนึงเล่นแค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นเอง

ด้วยความที่ผมไม่ได้เป็นนักดนตรี บอร์ดผมก็เลยจะออกแนวจัดตามใจชอบนิดหน่อย หลักๆก็จะฟอลโลว์ตามแนวเพลงที่ผมฟังครับ ซึ่งจะเป็นประมาณ Shoegazing/ Dream Pop/ Jangle/ วงในซีน Madchester และพวกวง Alternative, Indie หรือ Post-Punk หลายยุคหลายสมัยครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 14:11:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 2  
 
ภาพรวมของ pedalboard ครับ

พอไม่ต้องยกออกไปเล่นที่ไหน ขนาดมันเลยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมเป็น 40x30 ก็บานปลายมันจนเป็นขนาด 80x40 เสียได้

ตัวบอร์ดผมสั่ง custom นะครับ โดยเขียนแบบไปให้ ทั้งตัวบอร์ดและตัวเคสทำจากไม้ ค่อนข้างแข็งแรงมาก และพี่คนทำเขาฟินิชงานดีมากเลยครับ

อันนี้เฟสบุ๊คของพี่ที่ทำนะครับ เผื่อใครสนใจ >>
https://www.facebook.com/suriya.jarawong?fref=ts

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 14:20:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 3  
 
อลังการมากครับ น่าเล่นมากๆ ครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      ป๋อมแป๋ม      23 มิ.ย. 58   เวลา 14:31:00    IP = 125.25.127.206
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
Signal Chain :
1. Boss RV-2 Digital Reverb
2. Diamond Cornerstone
3. Ibanez JD9 Jet Driver
4. EHX OD Glove
5. Proco '85 Reissue Whiteface Rat
6. EHX Big Muff Pi
7. Boss FB-2 Feedbacker/ Booster
8. Modtone MT-VOL Xcelerator Volume Pedal
โดยต่อ aux out ไปที่ TC Electronic Polytune 2 Mini
9. EHX Bad Stone
10. Malekko LoFi EKKO 616 MKII
11. Earthquaker Devices Disaster Transport Jr.
12. Strymon Timeline
13. Zoom Multistomp MS-70CDR
14. Digitech Supernatural Ambient Verb
15. Boss RC-2 Loop Station

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 14:32:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 5  
 
เริ่มจากตัวแรก Boss RV-2 Digital Reverb

จากกีตาร์ก็เข้ามาที่รีเวิร์บก่อนเลย เหตุผลที่ผมวางแบบนี้ ได้มาจากวงที่ผมชอบมากๆ คือ The Raveonettes (เป็นวง Noise Pop/ Garage/ Shoegaze จากเดนมาร์ก)

ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าวิธีการแบบนี้มันเรียกว่าอะไรหรอก แต่เห็นมีพี่คนหนึ่งใช้คำว่า Reverb into Dirty คือ แทนที่จะวางเสียงรีเวิร์บไว้หลังไดรฟ์ ให้เกิดเสียงก้องเป็นบรรยากาศ ก็เอามาไว้หน้าสุดเลย เสียงก้องของรีเวิร์บมันจะแตกแล้วเกิดเป็น feedback ที่ค่อนข้างรุนแรงครับ

วิธีการของผม คือ จะปรับ level ของรีเวิร์บไว้ไม่มาก time ประมาณบ่ายโมง-บ่ายสอง เพื่อที่เวลาเล่นเสียงไดรฟ์ที่ hi gain หน่อย ยังฟังดูไม่เละครับ

เทคนิคนี้มันปรับไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับเอฟเฟครีเวิร์บก้อนนั้นๆ และซาวนด์ที่ต้องการด้วยครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 14:47:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 6  
 
มาถึงตัวที่ 2 ครับ ซึ่งเป็นตัวแรกของภาคเสียงไดรฟ์ กับ Diamond Cornerstone

จริงๆเจ้าตัวนี้เป็นเสียง overdrive ในสไตล์เสียงแตกจากตู้แอมป์หลอดครับ
ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่าซาวนด์มันกระเดียดไปทาง Marshall หน่อยๆ

หลักการของเจ้าตัวนี้ คือ มีปุ่ม Gain 1 และ Gain 2 ครับ โดย Gain 1 จะทำให้ที่เหมือนเป็น preamp จะควบคุมความแรงของเสียงแตกโดยรวม ส่วน Gain 2 เป็น power tube saturation ซึ่งใช้วิธีการปรับบาลานซ์ทั้ง 2 knob ให้ได้ซาวนด์เสียงแตกที่หลากหลายครับ โดยมีปุ่ม mid ที่ปรับเฉพาะย่านเสียงกลาง จะให้ออกมาเป็น mod boost หรือ mid cut ก็ได้หมดครับ และยังมี toggle switch ปรับเป็น normal กับ bright ครับ

ซึ่งตัวนี้ผมเซตเป็นเสียงคลีนอิ่มๆออก muddy นิดหน่อย ซึ่งจะมีเสียงแตกตรงปลายๆเสียง ขึ้นอยู่กับน้ำหนักการดีดครับ โดยผมจะเปิดไว้ตลอด ใช้เป็นเสียงคลีนครับ เมื่อเหยียบเสียงแตกก้อนอื่นๆ มันจะ stack กัน แล้วทำให้เสียงแตกก้อนนั้นๆมีคาแรคเตอร์บางอย่างเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็นเสียงที่ผมชอบครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:03:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 7  
 
ตัวต่อมาเป็น Ibanez JD9 Jet Driver ครับ

เจ้า JD9 นี่เป็นเสียงแตกตระกูล TS นี่แหละครับ แต่ให้ gain ที่แรงกว่า และที่ผมชอบคือ มี mid knob ที่ปรับย่านเสียงกลางได้ ส่วนตัวผมจะไม่ค่อยชอบซาวนด์ที่ย่านเสียงกลางพุ่งๆเท่าไหร่ เจ้าตัวนี้ผมเลยเซตย่านเสียงไว้ที่ 9 โมง ก็จะ cut ลงมาพอสมควร (ถ้าปรับไว้เที่ยง ก็จะได้เสียงใกล้เคียงกับ TS ครับ)

ผมไม่ค่อยจะได้ใช้เสียงโอเวอร์ไดรฟ์เล่นเดี่ยวๆเท่าไหร่ หน้าที่หลักของมันจะเอาำไว้บูสเสียงแตกตัวอื่นๆครับ แต่พอได้เจ้า cornerstone มา พอเปิดคู่กัน ก็ได้ซาวนด์โอเวอร์ไดรฟ์ที่ muddy หน่อยๆ ถ้าใช้เล่นพวก blues ก็เพลินใช้ได้อยู่ครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:26:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 8  
 
บอร์ดหล่อ ไม่ธรรมดาเลยครับ ชอบการจัดวางแล้วก็เลือกก้อน มาใช้ มากครับ บ่งบอกแนวทางชัดเจน มากๆ ครับ

   sickboy      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:28:00    IP = 107.201.240.135
 


  คำตอบที่ 9  
 
มาถึง EHX OD Glove ครับ

เจ้าตัวนี้ค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์มากครับ ช่วงปลายปีที่แล้วไป Rock Planet เพื่อจะซื้อตัวจ่ายไฟ Voodoo Lab เห็นเจ้านี่มันราคาถูกดี เลยลองดูเล่นๆ ปรากฏว่าเสียงดีมากๆครับ

เป็นโอเวอร์ไดรฟ์ที่เสียงเนื้อๆหนาๆ และมีช่วง gain ที่กว้างมากๆ ตั้งแต่ clean boost ยัน distortion ที่แรงพอสมควรเลย

ส่วนตัวคิดว่าเสียงที่ได้จากตัวนี้มันใกล้เคียงกับ Fulltone OCD และ Crowther Audio Hotcake ครับ แต่ราคาถูกกว่าแบบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว

เจ้าตัวนี้ ผมเซตไว้เป็นเสียงแตกสไตล์ British ครับ ลำพังตัวมันเองสามารถไปถึงขั้น high gain ได้ แต่ผมลดดีกรีลงมาหน่อยด้วยการปรับเกนไว้แค่ประมาณบ่ายโมง เมื่อ stack กับ Cornerstone แล้ว จะได้ซาวนด์แตกตู้หนาๆ เล่นคอร์ดเปิดสนุกมือดีครับ ถ้าบูสด้วย Jet Driver ก็โซโล่เพลง Britpop อารมณ์ประมาณพวก Oasis ได้เนียนๆเลย

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:41:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 10  
 
@sickboy ขอบคุณครับ ที่ผมยังแวะเวียนมาดูเว็บบอร์ดอยู่เป็นระยะ ก็เพื่อจะรอดูอัพเดตบอร์ดของพี่นี่แหละครับผม :)

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:44:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 11  
 
บอร์ดหล่อเลยฮะ

   junraiman      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:49:00    IP = 61.47.106.226
 


  คำตอบที่ 12  
 
ตัวต่อมา Proco '85 Reissue Whiteface Rat

เอฟเฟค Rat นอกจากจะเป็นเสียงแตกในตำนานก้อนนึงแล้ว ก็ยังต้องนับว่าเป็นประวัติศาสตร์ส่วนตัวของผมด้วยครับ เพราะเอฟเฟคเสียงแตกก้อนแรกในชีวิตที่ซื้อ ก็ Proco Rat นี่แหละ (หลายคนเห็นผมใช้ Rat มักจะคิดว่าผมใช้ตาม Graham Coxon วง Blur ซึ่งเป็นวงหนึ่งที่ผมชอบมากๆ แต่จริงๆ ผมก็เอามาจาก Raveonettes นี่แหละครับ Boss Reverb ต่อเข้า Rat)

ผมเริ่มจาก Vintage Rat กล่องใหญ่ๆ แล้วก็มาลองเป็น Rat 2 ล่าสุดก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นตัวนี้ ก็ใช้ You Drity Rat มายาวๆ เรียกได้ว่า จะเปลี่ยนเซตอัพมากี่ครั้ง ก็จะต้องเห็น Rat ในบอร์ดผมเสมอครับ

ซึ่ง Rat จะเป็นเอฟเฟคก้อนเดียวที่ผมจะปรับไว้ไม่ตายตัวครับ หมุนตลอด ไม่มีเซตติ้งที่แน่นอน เป็นเสียงแตกหลักที่ใช้เล่นทุกเพลง แม้เพลงไหนไม่เหมาะจะใช้ ก็จะพยายามปรับให้มันใช้ได้พอถูไถไปครับ ฮ่าๆ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:53:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 13  
 
The Raveonettes - Heartbreak Stroll

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 15:56:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 14  
 
มาถึงพี่ใหญ่ประจำบอร์ดครับ EHX Big Muff Pi

Big Muff ก็เป็นเสียงแตกอีกตัวที่มีความสัมพันธ์แบบ 'เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก' มาตลอด

ผมจำไม่ได้แล้วครับว่านี่เป็น Muff ก้อนที่เท่าไหร่แล้ว ผมเริ่มต้นจาก Russian Big Muff กล่องดำ จากนั้นก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Little Big Muff หรือกระทั่งแบรนด์อื่นที่ทำเสียงเลียนแบบ Big Muff ก็ตาม ปัจจุบันก็กลับมาใช้เจ้าตัวใหญ่นี้เหมือนเดิมครับ

เจ้า Big Muff นี่ ผมไม่ได้เหยียบใช้บ่อยเท่าไหร่ แต่ในเวลาที่ผมต้องการสร้าง Wall of Sound จะขาดมันไมไ่ด้เลย ด้วยเกนที่มหาศาล เมื่อเสียงรีเวิร์บผ่านเข้าไป บูสด้วย JD9 แล้วไปเจอกับเสียงดีเลย์อีก 2 ตัวที่เซตไว้ให้ repeat ตามกันเป็นคลื่น จบด้วยเสียง plate reverb ที่เปิด decay สุด ห้องก็พร้อมที่จะระเบิดแล้วครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 16:10:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 15  
 
ถัดจากภาคเสียงแตก ก็จะเป็น booster ครับ กับ Boss FB-2

เจ้าตัวนี้จะพิเศษสำหรับผมในแง่ของที่มาครับ

ประมาณ 3-4 ปีก่อน ทีช่วงนึงที่ผมง่วนกับการทำงานหลายๆอย่าง รวมถึงการเรียนต่อโท ทำให้แทบไม่มีเวลาจะจับกีตาร์เล่นเลย แน่นอนว่าข่าวสารทั้งหมดก็ไมไ่ด้อัพเดตอยู่นานเป็นปีๆ

บังเอิญผมมีโอกาสได้ไปแสดงงานที่ Fukuoka ไปเดินห้างแล้วเจอร้านขายเครื่องดนตรี Ishibashi ก็แวะดู ไปสะดุดกับเจ้าก้อนนี้เข้า เช็คๆดูในเน็ตเห็นว่าเพิ่งออกใหม่ไม่นาน ก็ซื้อมาเลยครับ ไม่ได้ลองด้วย

ถือว่าเป็นเอฟเฟคก้อนแรกและก้อนเดียวที่ไปซื้อมาจากต่างประเทศครับ

เจ้านี่ผมก็ใช้งานตามชื่อครับ โดยผมจะใช้บูสเสียงเพื่อให้ดังขึ้นเฉยๆ จึงวางไว้หลังเสียงแตกทั้งหมดครับ ซึ่งตัวนี้ก็มี character knob ที่ไว้ปรับย่านเสียงกลาง ว่าจะให้ flat หรือ mid boost ซึ่งผมก็จะเซตไว้ที่ประมาณ 9 โมง เพื่อยกย่านเสียงกลางขึ้นมานิดนึง หลังจากปรับหนี mid มาเกือบทุกก้อนในภาคเสียงแตกครับ

ตัวนี้มีฟังก์ชั่นพิเศษ คือ ถ้าเหยียบค้างไว้ มันจะสร้างเสียง feedback หอนๆวี้ดๆ ขึ้นมา แรกๆก็บ้าใช้ครับ แต่หลังๆนี่ก็ไม่ได้เหยียบยังงั้นมานานแล้ว ฮ่าๆ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 16:23:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 16  
 
ถัดมาเป็น Modtone MT-VOL Xcelerator Volume Pedal ครับ

จะเล่นแนว Ambient หรือ Post-Rock ถ้าต้อง swell ล่ะก็ foot volume นี่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

ที่ใช้ของ Modtone นี่ เหตุผลก็ไม่ได้มีอะไรเลยครับ นอกจากว่ามันถูกดี และชอบคู่สีเทาตัดดำครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 16:28:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 17  
 
จาก foot volume ก็ต่อ tuner out ไปที่ TC Electronic Polytune 2 Mini ครับ

ตัวนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรครับ ยอดฮิตอยู่แล้ว จอชัดและฉับไวครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 16:31:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 18  
 
จาก output ของโวลุ่ม จะมาที่ EHX Bad Stone ครับ

เป็น reissue จากตัวใหญ่ในยุค 70s มาอยู่ในกล่องเหล็กไซส์นาโน

เจ้านี่พิเศษที่ มี toggle switch ให้เลือกระหว่าง auto กับ manual ครับ
auto ก็จะเป็นเสียง phaser แบบ 6 stages จะวนเร็ววนช้า ขึ้นอยู่กับการปรับ rate knob

แต่ทีเด็ดผมว่าอยู่ที่โหมด manual ครับ มันจะฟิกซ์เสียง phase ไว้ในช่วงที่เราต้องการได้ หมุน manual shift knob ไปตรงไหนก็จะหยุดอยู่ที่เสียงนั้น เมื่อเปิดเสียงแตกผ่านเข้าไป แล้วหมุน knob จะได้ซาวนด์ที่หลากหลายมาก

ตำแหน่งของ phaser ตามปกติที่นิยมกัน เค้าจะวางไว้ก่อนเสียงแตก เพราะถ้าวางหลังมันจะทำให้ซาวนด์เสียงแตกมันเสียงคาแรคเตอร์ไป

อันนี้ผมว่าแล้วแต่ความชอบนะครับ สำหรับผมอยู่ตรงนี้มันโอเคเลย บางทีเอาเปิด reverb กับ Fuzz ให้มันเกิด feedback แล้วมาหมุนให้มันวุ่นวายเล่น ก็สนุกดีครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 16:43:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 19  
 
จาก Bad Stone ก็จะเข้าสู่ภาคของ time-based effect pedal ครับ

เริ่มที่ตัวแรก Malekko LoFi EKKO 616 MKII

เป็น lo-fi delay ที่มีสวิตช์ modulation ในตัวครับ เสียงจะย้วยๆ แถมยังติด feedback ง่ายมากๆครับ เซนซิทีฟสุดๆ เรียกได้ว่าถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลยครับ สำหรับก้อนนี้

สิ่งที่ผมชอบที่สุด คือ เสียง oscillation ที่หวีดได้สุดมาก การใช้งานในภาวะปกติผมจะปรับ time ไว้ต่ำๆ repeat น้อยๆ แล้วเปิดทิ้งไว้ตลอด เพื่อเป็น texture ให้กับเสียงกีตาร์ครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:02:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 20  
 
ถัดมาเป็น Earthquaker Devices Disaster Transport Jr.

เป็น digital delay ที่ตัวผู้ผลิตบอกว่ามันเป็น anti-modern delay โดยให้เสียง analog ประมาณ vintage tape echo ครับ

ผมเป็นคนที่เล่นดีเลย์มาเยอะมากๆ เสียงของเจ้านี่ ถือว่าดีในระดับต้นๆที่ผมเคยใช้มาเลยครับ นอกจากนี้ยังปรับ tone ได้ ทำให้ได้ซาวนด์ของเสียงตามที่ขุ่นๆ ไปจนถึงใสๆติด dirty ครับ

ผมเซตเจ้านี่ไว้ให้ time อยู่ที่ประมาณ 360-480ms (เซตเทียบกับ timeline ครับ) แล้ว repeat เยอะๆ เกือบจะ infinite

เจ้าตัวนี้ก็ทำ self oscillation ได้เหมือนกัน แต่จะเป็นคนละคาแรคเตอร์กับ Malekko เลย ความ weird ไม่เท่าครับ

โดยปกติผมจะใช้ 2 ตัวนี้คู่กัน ในการทำซาวนด์กีตาร์แบบ shoegaze โดยจะเซต time ของ malekko ให้เร็วกว่า (ประมาณ 180ms) เสียงดีเลย์จะตีกันเป็นคลื่นครับ แล้ว feedback มันก็จะสะสมไปเรื่อยๆ ไปชนกับ reverb ตัวสุดท้ายนี่ wall of sound ออกมาเต็มๆ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:17:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 21  
 
ชอบ the stone roses เหมือนกันครับ :D

   mewie      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:28:00    IP = 223.205.15.128
 


  คำตอบที่ 22  
 
มาถึงเอฟเฟคที่แพงที่สุดในบอร์ดครับ

Strymon Timeline

จริงๆ Timeline เป็นเอฟเฟคที่ผมเลี่ยงมาตลอด เพราะรู้สึกว่ามัน mass มากๆ คนใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง และทั่วโลก เกือบๆจะถึงขั้น anti ด้วยซ้ำครับ
สุดท้าย พอมีรุ่นพี่จะปล่อย ก็กล้ำกลืนซื้อมาจนได้

สำหรับเจ้าตัวนี้ เรื่องเสียงและสรรพคุณไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ดีโคตรๆ ฟังก์ชั่นต่างๆออกแบบมาได้อย่างหน้าตื่นตาตื่นใจ และปรับได้ละเอียดมากๆ และที่สำคัญ คือ มันมีจอนี่แหละครับ ก่อนหน้านี้ผมใช้ Boss DD-20 มา 6-7 ปี ก็เลยจะติดใจดีเลย์ที่มีหน้าจอพอสมควร เพราะมันปรับได้แน่นอนมาก time เป๊ะๆ

ได้มาวันแรก ผมก็ง่วนอยู่กับมันทั้งคืนครับ ได้ออกมาเป็น 18 เสียงที่ถูกใจ เก็บลง preset ไว้เรียบร้อย

ถ้าจะให้อธิบายซาวนด์ทั้ง 18 presets คงยากและจะต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้ามีโอกาสผมจะอัดเป็นคลิปแล้วกันนะครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:28:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 23  
 
ออกจาก Timeline ก็มาที่ Zoom MS-70CDR ครับ

เป็น multi effect เต็มรูปแบบตัวแรกและตัวเดียวที่ผมเคยใช้

เดิมทีตั้งใจจะซื้อมาเป็นของเล่นครับ เพราะเสียงมันเยอะมากๆ กะว่าจะเอามาลองหาซาวนด์ที่ชอบดู ปรากฏว่า Zoom ไปไกลกว่านั้น แต่ละเสียงที่ทำออกมา นั้น ค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว

เสียงหลักๆที่ผมใช้จากเจ้าตัวนี้ คือ เสียงรีเวิร์บที่จำลองมาจาก Eventide Space ครับ ด้วยความที่ Space นี่เป็นก้อนใน wish list ผมมานานแล้ว แต่ด้วยราคาของมัน และความหายาก (ก่อนที่ Rock Planet จะเอาเข้ามา) พอมาเจอตัวนี้ที่ทำออกมาได้ใกล้เคียง (สำหรับผม คิดว่าน่าจะ 80% เลย เพราะฟังก์ชั่นบางอย่างก็ถูกตัดทิ้งไป) ก็เลยใช้มาโดยตลอด

อีกเสียงนึงที่ใช้บ่อยๆ ก็จะเป็น Partlcle Verb ที่อยู่ใน Line6 ตระกูล M ครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:37:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 24  
 
มาถึงตัวนี้ครับ Digitech Supernatural Ambient Verb

ตามชื่อเลยครับ เป็นรีเวิร์บที่เน้นไปที่การใช้สร้างบรรยากาศเลย ถ้าจะซื้อตัวนี้มาใช้แค่เพิ่มมิติเล็กๆน้อยๆ หรือเสียง vintage reverb ผมว่าเสียของมากๆ เพราะตัวมันเองก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำแบบนั้นสักเท่าไหร่ และโดยส่วนตัวผมคิดว่า มีตัวเลือกอื่นๆที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่า Supernatural ครับ (ถูกกว่าด้วย ที่สำคัญ)

หลักๆผมจะใช้โหมด Shine เป็นหลักในการสร้างซาวนด์ ambient และเปลี่ยนเป็น plate เวลาเล่น Shoegaze ครับ ถ้าเล่นแนว Lo-Fi, Indie Pop หรือ Surf Rock ที่ร่วมสมัยหน่อย เช่น วงแนวๆ Beach Fossils ก็จะใช้ Spring ครับเป็นบางครั้ง

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:49:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 25  
 
มาถึงตัวสุดท้าย ก่อนออกไปแอมป์ครับ

Boss RC-2 Loop Station

สำหรับก้อนนี้ ไม่มีอะไรมากครับ ผมใช้เวลาคิดเพลง อัดทับไปทับมา แก้ใหม่ ไปเรื่อยๆ ได้ไอเดียหรือริฟฟ์เท่ๆ มาจากเจ้านี่ก็เยอะเหมือนกันครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:55:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 26  
 
ขุมพลังหลัก คือ เจ้านี่ครับ Voodoo Lab Pedal Power ISO5

ผมใช้มันจ่ายให้พวกตัวหลักๆครับ โดยช่อง 400mA จะใช้ daisy chain พ่วง เก็บเสียงแตกทุกก้อนไว้ช่องเดียวเลย

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 17:59:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 27  
 
ตัวที่เหลือ ที่ ISO5 จ่ายให้ไม่หมด เช่น MS-70CDR และ RC-2 จะเก็บด้วย Visual Sound 1 Spot ครับ

ส่วน Timeline ใช้อแดปเตอร์ของมันเองจ่ายให้ตัวเดียวครับ

มีแผนจะขยับขยายส่วนของ power supply เหมือนกันครับ ในอนาคตคงเปลี่ยนเป็นรุ่นใหญ่ๆ ที่จ่ายได้ครอบคลุมทั้งบอร์ดในตัวเดียว แต่เอาไว้ก่อน เพราะเท่าที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรครับ

สายเคเบิ้ลพ่วงระหว่างเอฟเฟคทั้งหมดใช้ George L's ครับ เพราะผมชอบรื้อบอร์ดมาจัดบ่อยๆ ใช้ George L's เลยค่อนข้างเหมาะสม เพราะมันปรับเปลี่ยนง่ายและรวดเร็วดีครับ

   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 18:05:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 28  
 
ขอจบด้วยภาพนี้ครับ

กีตาร์ผมใช้ Epiphone Riviera ปี 96 ตัวเดียวมาตลอดเกือบ 7-8 ปีแล้วครับ
_______________________________________________________

สวัสดีชาว Guitarthai ครับผม



   ELTKLSR      23 มิ.ย. 58   เวลา 18:09:00    IP = 110.168.231.138
 


  คำตอบที่ 29  
 
ครั้งหน้าไว้นัดกัน Meeting Noisey กันครับคุณป่าน :D

   soryimlate      23 มิ.ย. 58   เวลา 19:03:00    IP = 115.87.34.73
 


  คำตอบที่ 30  
 
อ่านเพลินเลยครับ^__^

   NOMONEYY      23 มิ.ย. 58   เวลา 19:29:00    IP = 58.8.152.29
 


  คำตอบที่ 31  
 
ความรู้ล้วนๆ

   sakai  23 มิ.ย. 58   เวลา 19:35:00    IP = 113.53.146.96
 


  คำตอบที่ 32  
 
สุดตริ่งมากครับ ยอมเลย

   SPECIAL      23 มิ.ย. 58   เวลา 20:53:00    IP = 171.96.183.216
 


  คำตอบที่ 33  
 
บอร์ดมี style ดีครับ มี reference ด้วยว่าเหตุผลที่เลือกก้อนนั้นก้อนนี้มาจากไหน คนฟังเพลงน้อยอย่างผม อ่านแล้วได้รู้จักวงใหม่ๆ เยอะดีครับ

จริงๆ จะบอกว่า style เราใกล้เคียงกันนะครับ เพราะผมก็ไม่ค่อยชอบเสียงกลางเหมือนกัน แต่จะเน้นพวก treble มากกว่า low นี่ขอแบบเบลอๆ อยู่ข้างหลังพอครับ

ผมแพลนไว้ว่าภายในต้นเดือนหน้าจะอัพเดตบอร์ดมากครับ ขอเวลาปรับอะไรให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะเอามาแบ่งปันกันครับผม

ปล. ขอเก็บค่าลิขสิทธิ์พี่ soryimlate ด้วยครับ เอาภาพติดบอร์ดผมมาใช้

   สมาชิกแบบพิเศษ      exosius      23 มิ.ย. 58   เวลา 23:38:00    IP = 171.96.172.195
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 34  
 
@soryimlate ถ้ามีตติ้งสัก 5-6 คน ถือยังงี้ไปคนละบอร์ด เกรงว่าร้านจะไม่ให้เข้านะครับ ที่เต็ม ฮ่าๆ

@ NOMONEYY, @sakai , @SPECIAL ขอบคุณครับ :)

@exosius ผมหนี mid มาตลอดชีวิตครับ ฮ่าๆ รอดูบอร์ดครับผม

   ELTKLSR      24 มิ.ย. 58   เวลา 1:32:00    IP = 110.168.231.172
 


  คำตอบที่ 35  
 
อลังการ หลากหลายมากครับ เยี่ยมเลยครับ ><

   สมาชิกแบบพิเศษ      DR-FU      24 มิ.ย. 58   เวลา 13:45:00    IP = 110.77.209.48
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 36  
 
ให้ผมเป็นเด็กยกบอร์ดให้ไหมท่าน ^^

   สมาชิกแบบพิเศษ      peter1150      24 มิ.ย. 58   เวลา 23:43:00    IP = 27.55.195.135
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 37  
 
ชอบมากๆครับ อยากให้รีวิวการเดินและจัดเก็บสายไฟ และการ wiring สายใต้บอร์ด จะเป็นความรู้มากเลยครับ

** ยังคงเห็น Log in เก่าๆ อยู่บ้าง รู้สึกดีที่ได้กลับมาเข้าเว็ปนี้อีกครั้งหลังจากหายไปนาน

   kennner01      18 ก.ค. 58   เวลา 15:14:00    IP = 110.170.183.200
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket