(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  แปลกเนอะ เสียงแบบ Fender ก็ต้อง Fender  
 
Squier ลูกแท้ๆก็ยังเสียงไม่เหมือนเฟนเดอร์
G&L พ่อแท้ๆของเฟนเดอร์ ไปสร้างลูกคนใหม่มา ทำมาตราฐานเดียวกันแบบเฟนเดอร์ เสียงมันก็ไม่เฟนเดอร์

ไม่นับยี่ห้อยี่ปุ่นที่เลียนแบบ ทำหัวโต ไม้เอลเดอร์ ไม้แอส คอดำ คอขาว คอดาว ใช้ไม้ ก็อปปี้รูปทรงเหมือนกันเป๊ะ
แม้กระทั่งเอา PU เฟนเดอร์มาใส่ ก็เสียงไม่ใช่เฟนเดอร์

คนรู้จักคนนึงอยากได้กีตาร์เสียงเฟนเดอร์
แต่ซื้อยี่ห้ออื่น แล้วโมไปโมมาเพื่อเอาเสียงแบบเฟนเดอร์
เช่นเอา Squier หรือ กีตาร์ญี่ปุ่นไปโม
โมไปโมมาจนราคาซื้อเฟนเดอร์ได้
แล้วทำไมไม่เอาเฟนเดอร์แต่แรกไปเลยก้อไม่รู้



peteyorn      11 มี.ค. 59   เวลา 17:26:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 171.96.240.6
 


  คำตอบที่ 1  
 
ต้องถามว่า เสียงแบบ Fender ในความหมายนี้เป็นเสียงยังไงครับ ??

แล้วเสียงของ Fender ที่ว่านี้ Fender ทุกตัว เสียงเหมือนกันหมดเลยครับ

เพราะที่ผมสัมผัสมา Fender ยังเสียงไม่เหมือนกันสักตัว

เอาเป็นถ้าลบยี่ห้อที่หัวออก เอาผ้าปิดตา เล่น Start สัก 10 ตัว Single coil ให้ฟัง

ทุกตัว นี้ทราบทันทีไหมครับ ว่าตัวไหนเป็น Fender หรือมีเสียงของ Fender ที่ว่ามา



   CIVIL_20      11 มี.ค. 59   เวลา 19:05:00    IP = 101.78.12.52
 


  คำตอบที่ 2  
 
Brand และ อุปทานหมู่ ไง
Brand แข็งแรงแล้ว ทำอะไรก็ได้ แม่ ไม่ว่าหรอก = =

   zamuel  11 มี.ค. 59   เวลา 19:20:00    IP = 119.76.69.236
 


  คำตอบที่ 3  
 
ตัวอย่าง ถ้าอยากได้ fender re57 usa
ใช้โครง squier cv50+ชุดห้องเครื่องและปิ๊กอัพของ fender re57 usa ยกชุดมาใส่ รับลองเหมือนแน่ครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      tkromeo      11 มี.ค. 59   เวลา 21:11:00    IP = 171.96.176.171
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
"มายาคติ"...
ผมมีเงินซื้อเฟนเดอร์ได้ผมยังไม่ซื้อเลยครับเพราะ
ทรงเทอะทะสำหรับผมที่ตัวสูงเพียง 165 เลยดูไม่เหมาะ
ล้วงลึกยาก รำคาญต่อคอแบบโบราณ ทำให้การเล่นมีอุปสรรค
เสียงบางไปสำหรับผมที่ต้องการความแข็งแรงของเสียงที่มากกว่านััน

และมันไม่ตรงจริตผมแม้ผมจะมีเงินซื้อมันก็ตาม...อย่ายึดอะไรด้วยตาหรือมายาคติกันนักเลยครับ ขนาดไวโอลินระดับโลกราคาเลยหลักล้านปิดตาเทสต์ยังแพ้ไวโอลินราคาถูกกว่าร้อยเท่าเลยครับ เอาอะไรมากกับยี่ห้อหรือการตลาดที่เอามาทำให้เราเสียเงินโดยที่ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจริงๆมาเท่าไหร่แล้ว

   สมาชิกแบบพิเศษ      หมากกระเด็น      11 มี.ค. 59   เวลา 22:17:00    IP = 223.206.242.11
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
ขนาดเฟนเดอร์รุ่นริชชี่ ผมยังไม่คิดจะซื้อเลยครับถึงจะมีเงินซื้อสบายๆได้ก็ตาม เพราะไม่รู้ว่าจะเอามาทำไมให้มันเสียเงินเล่นๆโดยที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกว่ามันใช่

เรามักใช้"ตา"และ"ใจที่ยึดติด"ตัดสินมากกว่า"หู"...

   สมาชิกแบบพิเศษ      หมากกระเด็น      11 มี.ค. 59   เวลา 22:20:00    IP = 223.206.242.11
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
อยู่ที่ว่าชอบซาวน์แบบไหน
ถ้าเล่นเมทัลชอบซาวน์แข็งๆพุ่งๆ ถ้าได้จับเฟนเดอร์ก็คงไม่ตรงจริตสักเท่าไร
ของมันก็ดีหมดล่ะ หลักๆอยู่ที่คนที่ใช้ และการเลือกไปใช้แล้ว

   gobben  11 มี.ค. 59   เวลา 23:09:00    IP = 49.49.246.93
 


  คำตอบที่ 7  
 
วัย........ด้วย
สุดท้าย ก็ตาย .................เฟนเดอร์

   Solitare  12 มี.ค. 59   เวลา 8:12:00    IP = 61.91.77.222
 


  คำตอบที่ 8  
 
Fender ลบโลโก้ออก เอาตราสัญลักษณ์ fender ออกหมด
วางใว้ร้านมือสอง คนยังไม่มอง ลองก็บอกเสียงไม่ใช่ fender
แถมขายได้ราคาไม่เท่า fender อีกตะหาก ทั้งที่มันเป็น fender

   CIVIL_20      12 มี.ค. 59   เวลา 9:15:00    IP = 66.249.82.84
 


  คำตอบที่ 9  
 
ที่มันไม่เหมือนเพราะ ตาเรายังมองยี่ห้ออยู่ครับ

   nookjkg  12 มี.ค. 59   เวลา 10:23:00    IP = 114.109.186.86
 


  คำตอบที่ 10  
 
Fender รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน เสียง และ การสัมผัส มันก็ต้องเหมือนกันสิครับ ถ้าไม่เหมือนก็แสดงว่าการผลิตไม่ได้มาตรฐาน ถ้างั้น gibson prs sure หรืออื่นๆเทพๆ แต่ละตัวก็คงจะมีเสียงไม่เหมือนกันใช่ไหม? ผมคิดว่ามันเป็นเพียงประโยคที่พูดต่อๆกันมามั๊งครับ ว่า"รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน ยังเสียงไม่เหมือนกันเลย" ถ้าขัดหูต้องขออภัยจากใจ เจตนาเพียงแค่ อยากให้คนเล่นกีต้าร์รุ่นใหม่ๆได้พิจารณาเท่านั้นครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      nathdanai.k      12 มี.ค. 59   เวลา 11:35:00    IP = 49.49.233.149
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
ท่าน nathdanai.k คงยังไม่เคยไปซื้อกีตาร์มือหนึ่ง แล้วไปนั่งลองตัวเดียวกัน รุ่นเดียวกัน สัก 3-4 ตัวใช่ไหมครับ ?? ถ้าเคยท่านคงไม่มาพูดเช่นนี้แน่ๆ

และตอนนี้เราพูดถึงเรื่องเสียงน่ะครับ อ่านดูดีๆ ไม่ได้พูดเรื่องสัมผัส Touching
มันคงล่ะเรื่องเลย

   CIVIL_20      12 มี.ค. 59   เวลา 11:54:00    IP = 101.78.12.52
 


  คำตอบที่ 12  
 
1.ท่าน nathdanai.k คงยังไม่เคยไปซื้อกีตาร์มือหนึ่ง = ใช่ครับ เงินน้อยก็เลยมีวาสนาแค่ของมือสองครับ
2.ตอนนี้เราพูดถึงเรื่องเสียงน่ะครับ อ่านดูดีๆ ไม่ได้พูดเรื่องสัมผัส Touching
มันคงล่ะเรื่องเลย = ต้องขออภัย ผมเขียนไม่ชัดเจนเอง แต่ผมหมายถึงทั้งสองครับ เสียงและสัมผัส ครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      nathdanai.k      12 มี.ค. 59   เวลา 12:14:00    IP = 49.49.233.149
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 13  
 
ต่างคนต่างความคิดนะครับ ถึงจะคิดต่างกันบ้างผิดพลาดบ้างก็อภัยกันนะครับ เราคอเดียวกัน อย่างน้อยก็เป็นประโยชน์
กับผู้รู้น้อยอย่างผมนะครับ

   sudlore surat  12 มี.ค. 59   เวลา 12:55:00    IP = 27.55.109.76
 


  คำตอบที่ 14  
 
ผมเป็นอีกคนที่ชอบ guitar fender และทรง starto

...แต่ให้ ผมซื้อ ผมไม่ซื้อครับ ไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ กำเงิน 4-5 หมื่น ซื้อยี่ห้ออื่นดีกว่า
ส่วน star ซื้อ squier ก็พอ

   anan-58      12 มี.ค. 59   เวลา 13:26:00    IP = 171.6.147.231
 


  คำตอบที่ 15  
 
ผมเห็นด้วยอีกคนที่ว่า รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน เสียง และ การสัมผัส มันก็ต้องเหมือนกัน หรือถ้าต่างกันก็ต่างกันนิดเดียว เพราะเขาวัดมาหมดครับ ขนาด นํ้าหนัก ค่านำไฟฟ้าของอุปกรณ์ชิ้นต่างๆมันเท่ากันเป๊ะๆ บวกลบนิดเดียวเท่านั้น

ในทางกลับกัน ถ้าเอาไม้เอลเดอร์ ไม้แอส คอดำ คอขาว ใช้ไม้แบบเดียวกันกะเฟนเดอร์เป๊ะ เสียงมันก็ต้องเป็นเฟนเดอร์สิครับ ก็มันเหมือนกันเป๊ะ เสียงมันจะเป็นแบบอื่นไปได้ไง ถ้าไม่เหมือน แสดงว่าไม่เป๊ะ

เวลาเราไปลองในร้านน่ะ เราเอารุ่นเดียวกันมาลองก็จริง แต่นํ้าหนักการดีด ตำแน่งการดีด มุมของ pick ยังไงมันก็เปลี่ยนแปลงไปตลอด เสียงมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอด และแม้แต่หูเราก็เชื่อไม่ได้ครับ คนเล่นหูฟังก็รู้ว่าถ้าหูเราฟังเพลงครั้งแรกๆไปสักพักแล้วหยุด สัก 10 วิ แล้วกลับมาฟังต่อด้วยหูฟังเดิม มันก็จะคิดว่าเสียงไม่เหมือนครั้งแรกเพราะหูมันผ่านการใช้งานหนักมาก่อนก็มี เชื่อมั้ยแม้กระทั่งสีของห้อง อุณภูมิของห้อง มันก็ทำให้สมองเรามันฟังอะไรเพี้ยนๆได้

แต่อย่าไปซีเรียสครับ เพราะคำว่า เสียงดี เสียงไม่ดี มันขึ้นอยู่กับรสนิยม สถานการณ์ ประเภทของงานเพลง ซึ่งมันจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา แต่ถ้าจะวัดกันจริงๆ ใช้การดีดแบบ controlled ด้วยอุปกรณ์ที่ดรชีดแรงเท่าเดิมตลอด ที่เดิมตลอด จ่อไมค์พัดกราฟเอาดีที่สุดครับ ใครมาบอกว่าใช้หูเอา หูเขาเทพสุด อย่าไปเชื่อ

ลองดูนี่ครับ Audio Illusions
https://www.youtube.com/watch?v=kzo45hWXRWU


   Artvertex  12 มี.ค. 59   เวลา 13:49:00    IP = 1.10.247.176
 


  คำตอบที่ 16  
 
ดนตรี มันเป็นศิลปะ คนมองเห็นค่าสวยงามแตกต่างกัน ชอบ ไม่ชอบ สวย ไม่สวย เสียงดี ไม่ดี เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เถียงกันให้ตาย ก็ไม่จบ

   JiamBond      12 มี.ค. 59   เวลา 22:11:00    IP = 101.51.151.17
 


  คำตอบที่ 17  
 
เห็นด้วยกับ คต.17 ครับ

   กีตาร์เลือด      12 มี.ค. 59   เวลา 23:01:00    IP = 182.232.121.181
 


  คำตอบที่ 18  
 
จีแอลไม่เหมือนเพราะเขาเอาข้อด้อยของเฟนเดอร์ไปปรับปรุง
แต่ปรากฏว่าข้อด้อยของเฟนเดอร์มันมีสเน่ห์นะ(ผมก็คิดงั้น)

เฟนเดอร์อายุขัยนานผมโชคดีด้วยความอนุเคราะห์จากเพื่อนฝูง
พี่น้องได้ลองเฟนเดอร์หลายๆยุค ค่อยๆทำความเข้าใจ
แต่ละช่วงปีเสียงต่างกันไปตามสมัยพอสมควร นานวันยิ่ง
แหลมและเล่นเสียงแตกหนักได้ดีขึ้นเรื่อยๆ


ส่วนกีต้าร์แจแปน เกาหลี จีน ต้องนำไปโมนิดนึง
ทำไม่เป็นไม่รู้จุดก็บานปลายครับ

ผมมีเฟนเดอร์เมกซิกันปีใหม่กับกีต้าร์ก๊อปของแจแปนเก่า
ผมกลับชอบแจแปนเก่ามากกว่าเนื้อเสียงและความแน่น
มันต่างกันพอตัวพอได้เปลี่ยนมือมาหลายตัวผมยิ่งชอบ
แจแปนเก่ามากๆหลายตัวไม่ได้แย่ซะทีเดียวตัวโปรด
ของผมเสียงแนวเฟนเดอร์เก่าๆปี60 มีโทนเสียงใกล้เคียง
แต่ความหนายังไม่เท่าเฟนเดอร์แท้ๆ แต่ราคาต่างกันมากๆๆ

สุดท้ายผมมองว่าอะไรตอบโจทย์กระเป๋าตังเรามากกว่า
การโม โมไม่เป็นไม่รู้อะไรมันลองผิดลองถูกเยอะครับ
ผมไม่ผูกมัดกับอะไรมากนักถูกใจคุ้มตังเล่นเข้ามือจบจ้ะ

เดี๋ยวนี้แบรนด์ใหม่ๆทำแนวเฟนเดอร์คุณภาพดีๆเยอะครับ
หากทุนน้อยผมมองว่าเป็นทางเลือกทดแทนได้ดี
ลองเฟนเดอร์เมกันสเปเชียลเทียบกับโกแดงเซสซั่นที่ราคาถูกกว่า
เท่าตัวได้ครับ อาจจะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ


   bbling      13 มี.ค. 59   เวลา 0:02:00    IP = 27.130.60.238
 


  คำตอบที่ 19  
 
ผมเคยนั่งฟังพี่คนหนึ่งเล่นที่ตลาดนัด
ชอบเสียงมากเฟนเดอชัว เลยไปถามพี่ใช้รุ่นไหน
เขาบอกว่าเฟนเดอก๊อปจีน 8000 น่าแตกเลย
อต่พี่เขาใช้ตู้เฟนเดอด้วยนะ


   udong_kung  13 มี.ค. 59   เวลา 2:47:00    IP = 114.109.162.87
 


  คำตอบที่ 20  
 
กีตาร์ทำจากไม้ที่เป็นวัสดุธรรมชาติ ซึ่งวัสดุจากธรรมชาติก็จะมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความหนาแน่น ที่จะมีความแตกต่างกัน และไม่สม่ำเสมอ แล้วแต่สาเหตุต่างๆร้อยแปด ซึ่งก็จะมีผลต่อเสียงเมื่อมาทำเป็นกีต้าร์ ที่จะทำให้ได้เสียงที่ไม่เหมือนกันตามมา เช่นกัน

   Assembly guitar  13 มี.ค. 59   เวลา 9:12:00    IP = 180.183.16.39
 


  คำตอบที่ 21  
 
ผมชอบ Fender ...
ไม่มีเหตุผล ครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      tak blues      13 มี.ค. 59   เวลา 12:43:00    IP = 182.53.22.239
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 22  
 
คต.21 เรื่องมวลของไม้ มีเหตุผลครับ แต่ถ้าเป็นไม้ชนิดเดียวกันไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของไม้ ย่อมมีมวลแตกต่างกันก็น่าจะจริง แต่ผมเชื่อว่า หูคนไม่สามารถแยกเสียงกีต้าร์ ที่ทำจากไม้ชนิดเดียวกันแต่มวลต่างกันได้

   สมาชิกแบบพิเศษ      nathdanai.k      13 มี.ค. 59   เวลา 16:05:00    IP = 171.5.76.174
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 23  
 
เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ ไม่ได้เถียง ไม่ได้งัด ไม่แตกแยก ในความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากศัตรูเสมอไป เพราะหลายๆคนได้ประโยชน์จากบทสรุป

   สมาชิกแบบพิเศษ      nathdanai.k      13 มี.ค. 59   เวลา 16:14:00    IP = 171.5.76.174
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 24  
 
ครั้งนึงเคยใช้บาราเล่นสด ลูกค้าได้ฟัง แต่อาจไม่เห็นยี่ห้อชัดมาก
ยังเคยมาถามใช้เฟนเดอร์รุ่นไหน


   GminorBb      13 มี.ค. 59   เวลา 18:26:00    IP = 180.183.102.218
 


  คำตอบที่ 25  
 
ฟังอาจจะไม่รู้ แต่ถ้าเล่นเอง ฟังเอง รู้แน่นอน
ลองเทียบเสียงกีตาร์ทีบอดี้ทำจากไม้ hard ash กับไม้ swarm ash ดูนะครับ

   Assembly guitar  13 มี.ค. 59   เวลา 20:40:00    IP = 182.232.122.91
 


  คำตอบที่ 26  
 
ผมเคยซื้อกีต้าร์ถูกๆจากโรงจำนำ ราคา2500 เอาไปเล่นเทียบกับเฟนเดอร์เจแปน เล่นแล้วก้อเอาไปวางทิ้งไว้เกือบปี

วันนึงไปอ่านเจอเรื่องการทำกีต้าร์ การเลือกไม้ ก้อเลยเกิดความคิดเรื่องการเปลี่ยนบอดี้ ก้อเลยไปเดินดูไม้ตามโรงขายไม้เก่า เคาะดูตามสูตรอ่ะครับ ได้มาท่อนนึงอ่ะครับ เป็นไม้ไทย ตระกูลโรสวูดครับ
จัดการทำการเปลี่ยนบอดี้เลย เสร็จแล้วลองดิดดู โอ้โฮ เสียงเปลี่ยนไปราวกับฟ้า-ดิน ใครมาลองก้ออยากได้
ขอซื้อ ผมเล่นอยู่ตัวเดียวครับ เสียงไร้เทียมทาน เฟนเดอร์เจแปนก้อเลยขายออกไป สงสารครับ นอนในกล่อง
นานเกินไปกลัวเมื่อย อิอิ
ผมยืนยันคำตอบนะครับว่า ไม้มีผลต่อเสียงเอามากๆโดยเฉพาะบอดี้
อ๋อ...ครับ จากนั้นมานักเลงมือดีก้อมาเอาไปแล้วครับ พี่ชายผมเอง เป็นนักดนตรีครับ มานอนทดลองดิดอยู่สามวัน
(ช่วงน้ำท่วม) ก่อนกลับก้อเลยบอกผมว่า..พี่เอาตัวนี้..เอาตัวเดียว. เงินที่ยืมพี่ไป60000พี่ยกไห้ละกัน อิอิ
ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือถูกนะครับ แต่แอบนึกไนใจว่าถ้าผมทำอีก5ตัวพี่จะมาเอาหรือเปล่า อิอิ.......

   sudlore surat  13 มี.ค. 59   เวลา 22:15:00    IP = 27.55.17.113
 


  คำตอบที่ 27  
 
ผมว่ามันเป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละคนมากกว่า
เสียง Fender ในหัวของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้นะครับ
ผมเคยลอง Fender US ทั้ง standard deluxe มาหลายตัวก็ไม่ถูกใจสักที
แถมผมมองว่าราคาเดี๋ยวนี้มันโหดร้ายมากๆ ความเป็นยี่ห้อมันทำให้ราคาสูงเกินไปครับ
ส่วนตัวผมสุดท้ายผมมาตายที่ Godin Session ครับ สำหรับเสียงผมถูกใจ งานคุณภาพดีก็ต้องตัวนี้เลย


   Hand      13 มี.ค. 59   เวลา 22:36:00    IP = 110.169.147.182
 


  คำตอบที่ 28  
 
ตอบก่อนออกทะเล ไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น อิอิ

Squier ลูกแท้ๆก็ยังเสียงไม่เหมือนเฟนเดอร์

- เสียงเหมือนกัน Fender ที่ราคาสูงกว่าก็ขายยากสิครับ แบรนด์เขาแบ่งกลุ่มลูกค้าชัดเจน
อยากได้ Fender ซื้อ Fender อยากได้คาแรคเตอร์คล้ายๆ Fender ในราคาประหยัดกว่า
ก็มี Squier มาให้เป็นตัวเลือก

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

G&L พ่อแท้ๆของเฟนเดอร์ ไปสร้างลูกคนใหม่มา ทำมาตราฐานเดียวกันแบบเฟนเดอร์
เสียงมันก็ไม่เฟนเดอร์

- อันนี้ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเคยอ่านบทสัมภาษณ์ที่ไหนซักที่ เจ้าของเขาแยกมาทำ G&L
เพราะต้องการสร้างอะไรที่แตกต่างไปจาก Fender นี่ครับ ถ้าทำเหมือนกันก็ผิดวัตถุประสงค์สิ - -a
(ตรงนี้ผมอาจได้ข้อมูลมาผิดก็ได้ ยังไงรอพี่ๆน้องๆท่านอื่นมาช่วยเสริม)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่นับยี่ห้อยี่ปุ่นที่เลียนแบบ ทำหัวโต ไม้เอลเดอร์ ไม้แอส คอดำ คอขาว คอดาว ใช้ไม้
ก็อปปี้รูปทรงเหมือนกันเป๊ะ แม้กระทั่งเอา PU เฟนเดอร์มาใส่ ก็เสียงไม่ใช่เฟนเดอร์

- ทรงอาจจะเหมือนก็จริง แต่รับรองว่าเสียง และสัมผัสการเล่นยังไงก็ไม่เหมือนเป๊ะๆ
เพราะการสร้างแบรนด์กีต้าร์ขึ้นมาซักแบรนด์ มันต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง

หลักๆก็เรื่องของ เงิน ต้องมีค่าใช้จ่ายในการสรรหาคนมาทำงาน หาวัตถุดิบมาผลิตกีต้าร์
มีค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดโปรโมทสินค้า ขนส่งสินค้า มีค่าใช้จ่ายในการศึกษาค้นคว้า
พัฒนาวิจัย ให้ได้องค์ความรู้ในการผลิตสินค้าเพื่อให้ได้ตรงตามความต้องการของผู้ผลิต
และผู้บริโภค

หรือต่อให้มีปัจจัยทุกอย่างเท่าเทียมกันหมด จนสามารถผลิตสินค้าได้เป๊ะๆเหมือนกันทุกอย่าง
ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะยังมีเรื่องของจริยธรรมทางธุรกิจ กฏหมายลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา
คุ้มครองเอาไว้ เพราะเมืองนอกเขาจริงจังกับเรื่องพวกนี้เต็มที่อยู่แล้ว

ที่สำคัญ สำหรับผู้ผลิตแล้ว การผลิตสินค้าเลียนแบบกันเอง ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจเลย
ทำสินค้าออกมาเหมือนๆกันทุกอย่าง ขายราคาเดียวกัน สุดท้ายใครจะขายให้ลูกค้าได้มากกว่ากัน
ก็ต้องไปจบที่สงครามราคา แข่งกันลดราคา จัดโปรโมชั่น ผลลัพธ์คือรอวันตายหมู่เผาร่วมกัน
สู้ทำสินค้าให้แตกต่างกันเข้าไว้ มีทางเลือกให้ผู้บริโภคเยอะๆนี่ล่ะ จะได้แบ่งเค้กกินกันทุกฝ่าย
ยิ่งเจอลูกค้าประเภทนักสะสม ตัวข้าซื้อทุกแบรนด์ แบบนี้ผู้ผลิตยิ้มเลย งานนี้ จับมือรวยร่วมกัน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

คนรู้จักคนนึงอยากได้กีตาร์เสียงเฟนเดอร์ แต่ซื้อยี่ห้ออื่น แล้วโมไปโมมาเพื่อเอาเสียง
แบบเฟนเดอร์ เช่นเอา Squier หรือ กีตาร์ญี่ปุ่นไปโม โมไปโมมาจนราคาซื้อเฟนเดอร์ได้
แล้วทำไมไม่เอาเฟนเดอร์แต่แรกไปเลยก้อไม่รู้

- คนที่โมกีต้าร์มีหลายประเภท ประเภทที่ศึกษาแล้ว ค้นคว้าแล้ว เข้าใจแจ่มแจ้งและรู้อยู่เต็มอก
ว่าโมให้ตายยังไงก็ไม่เหมือน แต่ยังอยากจะลองให้รู้ว่าสุดท้ายมันจะออกมายังไง เรื่องแบบนี้
เป็นความอยากรู้ อยากลอง ความคัน กระสันส่วนบุคคล ซึ่งไม่เคยปราณีใคร อิอิ ลองเอง รู้เอง
เจ็บเอง จำเอง ตามศรัทธา

หรือประเภทที่ประสบการณ์ยังน้อย เขาว่าดีก็โมไปตามที่ได้ยินได้ฟังได้รับรู้มา ก็มีเยอะ
โมไปแบบไม่รู้อะไร วัดใจไปเลยก็มี บางคนโมตามใจเมียยังมีเลย เพราะเมียถือเงิน บลาๆๆๆๆ
เหล่านี้เป็นเหตุผลส่วนบุคคลทั้งสิ้น อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงทำไปทำไมต้องลองถามเจ้าตัวดู

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่เหลือ ออกทะเล

ลองจับกีต้าร์ไฟฟ้ามาวิเคราะห์ แยกธาตุจะได้ออกมา 3 หมวดใหญ่ๆ คือ

- ไม้ ไม้ทำบอดี้ ไม้ทำคอ หัว ฟิงเกอร์บอร์ด

- โลหะ เช่น สายกีต้าร์ เฟรต บริดจ์ ลวดที่ใช้พัน PU แม่เหล็ก ลูกบิด ฯลฯ

- วัสดุสังเคราะห์ อื่นๆ เช่น นัทกระดูก (กระดูกแท้หรือเทียมก็อีกเรื่อง) นัทกราไฟท์

หรือพลาสติกที่ใช้ทำปิ๊กการ์ด กรอบปิ๊กอัพ ฝาปิดบอดี้ หรือ อะครีลิก(ใช้ทำบอดี้) ฯลฯ

โดยทั้ง 3 ธาตุจะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า ผ่านสื่อวงจร สายไฟทั้งหลาย


ผมเชื่อว่าสินค้าที่ดี ได้มาตรฐาน ย่อมมาจาก การมีองค์วามรู้ในทุกๆขั้นตอน ไล่ไปเลย

ตั้งแต่องค์ความรู้ในการคัดเลือกวัตถุดิบ กระบวนการผลิต กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ

- ไม้ ก่อนจะนำไม้มาขึ้นโครงทำคอ ทำบอดี้ ก็ต้องเลือก ต้องคัด ต้องผ่านการบ่ม การอบซะก่อน

- โลหะ บริดจ์ เฟรต ลูกบิด ฯลฯ การจะผลิตขิ้นส่วนเหล่านี้ ก็ต้องมี องค์ความรู้ ในการคัดโลหะ
การขึ้นรูป การตรวจสอบความทนทาน ฯลฯ

- พลาสติก อะครีลิก วัสดุสังเคราะห์ ที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนประกอบเล็กๆน้อยๆสำหรับกีต้าร์
ก่อนจะผลิตขึ้นมาเป็นอะไหล่ ก็ต้องมี องค์ความรู้ ทั้งนั้น


ยกตัวอย่างแค่ไม้เรื่องเดียวก็พูดกันได้ยาวยืด เพราะไม้ทำกีต้าร์มีมากมายหลายชนิด

มะฮอกฯ เอลเดอร์ เบสวู๊ด แอช เมเปิ้ล โคอา ฯลฯ กระบวนการคัดไม้ สูตรการอบไม้

เรื่องพวกนี้ล้วนเป็น องค์ความรู้ ที่ผู้บริโภคไม่มีวันรู้ และผมเชื่อว่า แบรนด์ต่างๆย่อมมี

องค์ความรู้ ของตัวเอง แต่อาจจะกระจายกันไปในแต่ละวัสดุ แต่ละขั้นตอน อย่างเช่น


- แบรนด์ A กับ B อาจมี องค์ความรู้ ในการคัดเกรดไม้ ใกล้เคียงกัน แต่มี องค์ความรู้

ในการอบไม้ต่างกัน แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็อาจทำให้เสียงที่ได้มีความแตกต่างกัน


- บางแบรนด์เหมือนพี่น้องกัน อาจจะมี องค์ความรู้ ในการคัด / อบไม้เหมือนกัน

แต่ไปต่างกันที่รายละเอียดส่วนอื่นๆ เช่น การขึ้นโครงบอดี้ ต่อคอ หรือการเลือกวัสดุต่างๆ

มาประกอบเข้ากับกีต้าร์ (เฟรต บริดจ์ ) ส่วนหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์

แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของเสียงให้มีความแตกต่างออกไปจากแบรนด์อื่นๆ


เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล เครื่องไม้เครื่องมือก็มีคุณภาพสูงมาก รูปทรงเลียนแบบกันได้

แต่เรื่องเสียงมันพูดยาก เพราะปัจจัยที่ก่อให้เกิดเสียงจากกีต้าร์ซักตัวนึง มันมากมายโคตรๆ

วิเคราะห์ลำบาก ถ้าอยากหาคำตอบชัดๆ คงต้องทดสอบด้วยกระบวนการทางวิทยศาสตร์

ควบคุมตัวแปร จะกี่ตัวก็ว่ากันไป เช่น วัสดุที่ใช้ผลิต / อุณหภูมิ / ความชื้น / แรงดีด / ฯลฯ

แล้วกีต้าร์ไฟฟ้าจะให้ครบองค์ประชุมยังต้องประกอบด้วย แอมป์ เอฟเฟค สายแจ็ค ฯลฯ

สรุปว่าเยอะ เอาแบบอธิบายง่ายๆบ้านๆ ถกกันเฉพาะเรื่องกีต้าร์อย่างเดียวนี่ก็สนุกสนานแล้ว


การสร้างกีต้าร์จะต้องมี องค์ความรู้ ซึ่งบางอย่างเปิดเผยได้ บางอย่างเปิดเผยกันไม่ได้

ไอ้ตรงที่เปิดเผยไม่ได้นี่ล่ะ ที่ทำให้กีต้าร์แต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์ของเสียงแตกต่างกัน

ทำไมกีต้าร์บางตัวใช้เศษไม้ต่อกันเจ็ดแปดชิ้นแล้วยังได้เสียงที่ดี ไม่แน่ องค์ความรู้ ของเขา

อาจจะไปอยู่ที่กระบวนการต่อไม้ การใช้กาวแบบพิเศษมาใช้ต่อบอดี้ ก็เป็นได้ หุหุ ??


ปล. ยังมีต่อ คห.ล่าง หุหุ

   สมาชิกแบบพิเศษ      Regnarts      14 มี.ค. 59   เวลา 3:02:00    IP = 58.8.148.177
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 29  
 
คห.นี้ นำเสนอผ่านมุมมองคนทำธุรกิจ


ว่ากันด้วยเรื่องกีต้าร์ หลักๆมันก็หนีไม่พ้นเรื่องของ / เสียง / สัมผัสการเล่น /

ซึ่งเรื่องพวกนี้มันพอจะใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์วัดผลได้ แบรนด์ดังๆที่เขาทำกีต้าร์มาเป็น 50 - 60 ปี

เขาลองผิดลองถูกกันมาตั้งนานแล้ว มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยออกมาจนได้เป็น องค์ความรู้ ในแต่ละขั้นตอน

ทั้งกระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบ กระบวนการผลิต กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ เช่น อยากได้เสียงแบบนี้

ต้องใช้วัสดุแบบนี้ๆๆ มีขั้นตอนมีเคล็ดลับการผลิตแบบนี้ๆๆ อยากได้สัมผัสการเล่นแบบนี้ ต้องทำคอทรงนี้ๆๆ

เรเดียสเท่านี้ๆๆๆ ใช้วัสดุเคลือบคอแบบนี้ๆๆ ปาดคอ ปาดบอดี้ที่องศาเท่านี้ๆๆๆ กีต้าร์รูปทรงแบบนี้ๆๆ

ความหนาบอดี้เท่านี้ ต้องใช้บริดจ์ตัวนี้เท่านั้น ถึงจะได้เอกลักษณ์ของเสียงแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนไปใช้บริดจ์อย่างอื่น

เสียงจะเป็นอีกแบบ บลาๆๆๆๆ ฯลฯ ไอ้ที่ว่ามาทั้งหลายทั้งปวง สิ่งเหล่านี้ล่ะ คือ องค์ความรู้ ซึ่งกว่าจะได้มา

มันต้องเสียทั้งเงินและเวลาไปมหาศาล ตรงนี้ก็เป็นต้นทุนสำคัญอีกประการที่ผู้บริโภคควรจะทำความเข้าใจ

ว่าทำไมแบรนด์ดังมันถึงได้โคตระแพง


อย่างเรื่องของการคัดเลือกวัตถุดิบ

เลือกในที่นี้ไม่ได้หมายถึง คัดเลือกแต่วัตถุดิบที่ดีที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่มันยังหมายถึง การเลือกวัตถุดิบมารวมกัน

เพื่อให้ได้เสียงอย่างที่ผู้ผลิตต้องการด้วย เรื่องนี้โคตรสำคัญ ทำไม LP Gibson จึงมีเสียง ต่างจาก LP Epiphone

เอ้าดูสเปคก็ใกล้เคียงกันนิ มะฮอกเหมือนกัน (อย่าลืมไม้ก็มีหลายเกรด) บางคนบอก เอ้า งั้นไหนลองผ่าไม้

ออกมาจากต้นเดียวกันเลย ชิ้นนึงเอาไปทำ Gibson ชิ้นนึงเอาไปทำ Epiphone คิดว่าเสียงจะเหมือนกันไหม

คำตอบคือ....ใครจะไปรู้ฟะ :p กีต้าร์มันไม่ใช่แค่ ตัดไม้ แต่งทรง ขึงลวด เสียบสายแจ๊ค แล้วจะมีเสียงไพเราะเลย

มันยังมีขั้นตอนอีกมากกว่าจะออกมาเป็นกีต้าร์ดีๆซักตัว มันต้องผ่านมาหลายกระบวน อย่างที่บอกไว้ข้างต้น


นอกจากการใช้เงินทุนเพื่อศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์ของตัวเองแล้ว ยังต้องศึกษาหาความต้องการของผู้บริโภคอีก

ก่อนที่จะผลิตแต่ละรุ่นออกมาขาย ต้องศึกษาก่อนจนมั่นใจได้ว่าทำออกมาแล้วมีคนซื้อแน่ๆ เขาถึงจะผลิต

การศึกษาหาความต้องการของตลาด ต้องใช้ทีมวิจัยตลาด ส่วนนี้ก็เป็นต้นทุนของกีต้าร์


หัวใจการทำธุรกิจต้องขายๆๆๆสร้างกำไรให้มากที่สุด จะให้เขาผลิตกีต้าร์คุณภาพดีที่สุดในโลก แค่รุ่นเดียว

สมมติ กีต้าร์ A ราคา 100000 ขายได้ 1 ตัว ต่อคน เงินมันก็ได้แค่ 100000 ต่อคน แบบนี้ผลิตหลายๆรุ่นดีกว่า

ให้เสียง สัมผัส ทรงแตกต่างกัน ขายตัวละ 30000 50000 70000 คุณภาพตามลำดับราคา ผู้บริโภค 1 คน

อาจจะซื้อเก็บทุกรุ่น ก็เท่ากับเพิ่มโอกาสทำรายได้ จาก 100000 ต่อ 1 คน กลายเป็น 150000 ต่อ 1 คน

โอกาสได้เงินก็พิ่มมากขึ้น (แต่ก็มีความเสี่ยงที่เขาจะเลือกซื้อกีต้าร์แค่ ตัวเดียว อันนี้ก็ Higi Risk High Return)



แล้วที่นี้มามองที่คนรายได้ไม่สูงล่ะ ทำไง ? คนจนมีสิทธิ์มั้ยคร๊าบบบบ ? T0T โอ๊ย ไม่ต้องห่วง คนทำธุรกิจเขารู้

คนรายได้น้อยแต่อยากใช้ของแบรนด์ดังก็มี เอ้า งั้นเดี๋ยวป๋าจัดให้ รุ่นต่ำสุด 30000 ซื้อไม่ไหวใช่ไหม

งั้นเอาแบรนด์ลูกไปนะ เจ้าของเดียวกัน ราคาย่อมเยา คอนเซปต์เดิม น้อยๆรุ่นไม่ หลายๆรุ่นทำ

จากแบรนด์ล่าง ทำคุณภาพดีๆ ขายตัวเดียว 25000 ไม่เอาล่ะ ไม่คุ้มเหนื่อย แบบนี่ดีกว่า จัดให้เต็มเหนี่ยว

เชิญเลือกได้ 9000 / 12000 / 15000 / 18000 / 20000 แบบนี้เลย 5 รุ่น 5 แบบ ไม่มีซ้ำ ว้าวๆๆๆ

ผู้บริโภคไชโยเลย มีของราคาย่อมเยาจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ รออะไร เสียเงินสิครัช -.-



หรืออย่าง กีต้าร์ซิกเนเจอร์ กีต้าร์รีลิค กีต้าร์ที่มี story เรื่องราวทั้งหลาย กีต้าร์พวกนี้ เขาเน้นขายคุณค่าทางใจ

ให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องของรสนิยม เป็นปัจเจก เป็นนามธรรม ซึ่งวัดผลโคตรยาก แต่ก็ยังอุตส่าห์รู้

ว่ามีคนชอบ มีคนอยากได้ แล้วก็ทำออกมาขาย อันนี้ยอมรับว่าเขาเก่งในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้า

และมีความสามารถศึกษาค้นหาความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด เก่งจริมๆ - - b


แบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง G.. อย่าง F... ทำไมถึงประสบความสำเร็จ มีฐานลูกค้ามากมายเพราะเขาเริ่มต้นทำก่อน

ทำมาก่อน ก็ได้เรียนรู้ความผิดพลาดก่อน มีประสบการณ์ก่อน เขาทำมาไม่รู้กี่สิบปีกว่าจะได้กีต้าร์ที่มีเอกลักษณ์

ทั้งในเชิงรูปธรรมที่จับต้องได้ วัดผลได้ และในเชิงนามธรรมที่จับต้องยาก วัดผลยาก


ผมไม่ปฎิเสธเรื่อง มายาคติ หรือ อุปทานไปเอง เพราะส่วนหนึ่งมันอาจเกิดขึ้นได้ จากความเคยชินของหูเราเอง

เวลาฟังเพลงยุคเก่าๆ เสียงกีต้าร์ที่ได้ยินจากเพลงในยุคนั้น มันก็หนีไม่พ้นแบรนด์เก่าแก่เหล่านั้นนั่นแล ดังนั้น

มันก็มีความเป็นไปได้ที่หูและตาของเรา จะมีความเคยชินกับ เสียงกีต้าร์ รูปทรง ภาพลักษณ์เหล่านี้ ลองนึกย้อน

กลับไปช่วงยุค 70 ศิลปินเหล่านั้นยังมีตัวเลือกไม่มากอย่างทุกวันนี้ มีอะไรให้เลือกซื้อเลือกใช้ก็เล่นอันนั้น

คิดเล่นๆถ้า Jimmy Hendrix กลับชาติมาเกิดใหม่ในยุคนี้ อาจจะมีงงตาแหก '' จะเล่นยี่ห้อไหนดีเว้ยยยย

เยอะเหลือเกิน เลือกไม่ถูกเลย -*-a ''



หรือ !!!!!! เราจะลองมองพลิกกลับไปอีกแง่หนึ่งก็ได้ กลับด้านไปมองมุมอื่น เช่น ในกรณีที่ องค์ความรู้

ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา อาจจะไม่มีอยู่จริง ทุกแบรนด์อาจมีการจัดประชุมหารือกันเองอย่างลับๆ

แบ่งเค๊กการตลาด หลอกลวงผู้บริโภค โดยใช้การตลาดสร้างอุปทานหมู่ ความแตกต่างทั้งหลายไม่เคยมีอยู่จริง

เรื่องราวทุกอย่างล้วนถูกแต่งเติมให้มี story มีที่มา ช่วยสร้างคุณค่าให้ตัวสินค้า ทำให้ตั้งราคาขายสูงกว่าต้นทุนจริง

สร้างกำไรมหาศาลก็เป็นได้


สมมติเจ้าของแบรนด์นั่งคุยกัน

A : เฮ้ยปีนี้ ผมจะผลิตซัก 15 รุ่นว่ะ คุณมีไลน์ผลิตซ้ำผมไหม

B : มี 3 รุ่นว่ะ คุณเปลี่ยนไปผลิตรุ่นปีเก่าๆแทนสิ แบรนด์คุณเปิดมาก่อนผม คงมีคนสนใจรุ่นเก่าๆ อยู่ล่ะมั้ง

C : แบ่งเค้กให้ผมซัก 3 - 4 รุ่น นะพี่นะ ปีนี้ฝืด ขอเงินมาหมุนต่อลมหายใจหน่อย

A : โอเค งั้นผมจะสลับไปผลิตรุ่นปีเก่าๆ มาขายพวกนักสะสม ทางพวกคุณอย่าผลิตทับไลน์ผมล่ะ

B : ปีนี้ผมคงผลิตใหม่ไม่่กี่รุ่น ช่วงนี้ไม้ดีๆหายาก นี่ยังต้องเอาเศษไม้เหลือๆแบ่งไปทำขายในรุ่นล่างๆอยู่เลย

C : แต่แบรนด์พวกพี่อยู่นานแล้วนี่ ชื่อเสียง เครดิตมี ลูกค้าไม่สนหรอก

A : บางคนไม่สนเพราะเป็นแฟนเหนียวแน่นไง แต่ส่วนใหญ่ไม่สนเพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของวัตถุดิบก็เยอะ

B : ไม่ต้องห่วง ถึงวัสดุไม่ค่อยดี แต่กระบวนการผลิตกับการตรวจสอบคุณภาพผมแน่นปึ้ก 555

A B C : งั้นวันนี้ก็เท่านี้ล่ะ เอ้า ชนแก้ว รวย รวย รวย (แยกย้าย)


เอาเป็นว่า ที่โม้ๆมาทั้งหมด อันไหนจริง อันไหนเท็จ ยังไงก็ลองพิจารณากันดูเองเถิดญาติโยมทั้งหลาย

เงินใคร เงินมัน บุญรักษาโดยถ้วนหน้า เทอญ -/\-

   สมาชิกแบบพิเศษ      Regnarts      14 มี.ค. 59   เวลา 3:21:00    IP = 58.8.148.177
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 30  
 
ยอดเยี่ยมมากครับแต่ละท่าน

   สมาชิกแบบพิเศษ      ป๋อมแป๋ม      14 มี.ค. 59   เวลา 8:39:00    IP = 118.172.60.65
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 31  
 
ช่วงนี้กระทู้แนวนี้มาเยอะจุง....ไปเล่น Line Ranger ต่อดีกว่า แฮะๆๆ

   junraiman      14 มี.ค. 59   เวลา 9:41:00    IP = 61.47.106.226
 


  คำตอบที่ 32  
 
สาระล้วนๆเลยครับ ขอบคุณครับ

   peteyorn      14 มี.ค. 59   เวลา 10:02:00    IP = 171.96.240.125
 


  คำตอบที่ 33  
 
เลิกเถียงกันให้หมด เก็บเงินไปซื้อแอมป์ดีๆดีกว่าครับ เสียงเปลี่ยน แนวคิดต่างๆเปลี่ยนแน่นอน 5555

   coming soon      14 มี.ค. 59   เวลา 10:29:00    IP = 61.91.26.66
 


  คำตอบที่ 34  
 
ผมเห็นด้วยกับท่าน Regnarts มีความคิดเเบบเดียวกับผมเลยครับ วิสัยทัศน์เเบบนี้ต้องเป็นผู้ประกอบการเเน่ๆเลยครับ

ลองเอาของโนเนม สเปค คุณภาพดี ขายถูก มาเทียบยอดขายกับ F.. รุ่น US ปลายเเถวสิครับ ของใครจะขายดีกว่า .... ทุกธุรกิจ ทุกอาชัพเป็นเเบบนี้หมดครับ ลองคิดดูดีๆครับ ...



   Ballnado      14 มี.ค. 59   เวลา 10:35:00    IP = 58.137.164.182
 


  คำตอบที่ 35  
 
นั่นละฮะ... ท่านผู้ชม

   สมาชิกแบบพิเศษ      Solo man 007      14 มี.ค. 59   เวลา 15:58:00    IP = 125.25.205.15
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 36  
 
เรื่องเสียง มันมีปัจจัยหลายอย่างร่วมครับ เรื่องเหมือน คงไม่เหมือนกันหรอก แต่คาแรคเตอร์เสียง มันมีอยู่ในแต่ละรุ่นแน่นอน นักร้อง คนเดียวกัน ร้องเพลง ต่างที่ต่างเวลา ใช้ไมค์คนละแบบ ตัวแปรอื่นที่ต่างกัน เสียงออกมา ไม่เหมือนกันเป้ะ แน่นอน แต่ ก็ยังคงความคาแรคเตอร์ และเอกลักษณ์ของนักร้องคนนั่น อยู่ดี

   พายุลูกเห็บ      15 มี.ค. 59   เวลา 10:00:00    IP = 49.229.99.119
 


  คำตอบที่ 37  
 
คำว่าอุปทาน.. นี่อย่าใช้เลยครับ ความชอบ หรือหลงไหล ในเสน่ห์ ของแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน อย่างผมชอบของเก่า ผมเล่นรถเก่า เวสป้าเก่าๆ ก็หามาใช้ ขับก็ยาก เข้าเกียร์ก็ยาก ใช้ไปซ่อมไป ราคาก็แะงแทบซื้อ รถยนต์ ได้ เอาเงินไปซื้อมอำซค์รุ่นใหม่ๆทีาเขาพัฒนาแล้วมาใช้จะเหมาะกว่า แต่ทำไม สำหรับผมแล้วมันมีความสุขจัง...

   พายุลูกเห็บ      15 มี.ค. 59   เวลา 10:02:00    IP = 49.229.99.119
 


  คำตอบที่ 38  
 
กีตาก็เหมือนกัน ผมก็ชอบเฟนเดอร์ และมี เฟนเดอร์เก่าๆอยู่

ดีกว่าตัวอื่นรึเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่ผมชอบมัน

   พายุลูกเห็บ      15 มี.ค. 59   เวลา 10:03:00    IP = 49.229.99.119
 


  คำตอบที่ 39  
 
ดนตรีคือความชอบ ความหลงใหล อารมณ์ล้วนๆ
อย่าเหตุผลกับมันเลยครับ
...
กีตาร์คือเครื่องมือที่เราใช้แสดงอารมณ์ ความรู้สึกออกมา
ไม่ว่าแบร์นไหน ยี่ห้อใด ล้วนทำได้หมด
ส่วนเฟนเดอร์ก็คือเฟนเดอร์ อย่าไปเปรียบเทียบกับแบร์นอื่นๆเลย
ความชอบไม่เหมือนกัน ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้ออ่ะครับ
...
ส่วนความคุ้มค่า จะเทียบกับอะไรดี
แต่ละคนมีมาตรวัดความคุ้มค่าต่างกัน
สิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับผม คือ ความสุขใจกับของชิ้นนั้นๆ
ไม่ว่ามันจะเป็นท่อนไม้ขึงสายราคา 3000 หรือ 30000
ถ้าผมไม่ชอบ เล่นแล้วไม่มีความสุข 300 บาทก็ถือว่าแพงมากแล้ว

   woharn      15 มี.ค. 59   เวลา 11:52:00    IP = 110.78.164.65
 


  คำตอบที่ 40  
 
คือจะอธิบายเรื่องผ่านตัวอักษร ให้ท่านที่ไม่เคยสัมผัส
แต่ดันมีความเชื่ออีกแบบนึงนี้มันยากนะครับ 555
คงต้องปล่อยให้เค้าเชื่อไปแบบนั้น เพราะ"เค้าไม่เคยลอง"

   CIVIL_20      16 มี.ค. 59   เวลา 9:31:00    IP = 64.233.173.206
 


  คำตอบที่ 41  
 
บางทีศิลปินอาจจะไม่มีความรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกีตาร์ก็ได้
เพียงแต่ชอบ และเล่นมันออกมา

   woharn      16 มี.ค. 59   เวลา 11:52:00    IP = 110.78.164.65
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket